siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

เบาหวานกับโรคร่วม: เช็กลิสต์ยาที่ต้องระวังและอาการที่ต้องรู้

ผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวนมากมักมีโรคร่วม (Comorbidities) หรือโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ซึ่งทำให้การเลือกใช้ยามีความซับซ้อนและต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอวัยวะต่างๆ เช่น ไต ตับ และหัวใจ ทำหน้าที่ในการเผาผลาญและขับยาออกจากร่างกาย เมื่ออวัยวะเหล่านี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ ยาบางชนิดอาจสะสมจนเกิดพิษ หรือส่งผลให้อาการของโรคร่วมแย่ลงได้

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และความตระหนักรู้แก่ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ดูแล ในการเฝ้าระวังการใช้ยาต่างๆ แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ การปรับเปลี่ยนยาทุกชนิดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น


1. เมื่อผู้ป่วยเบาหวานมี "โรคไตเสื่อม" (Kidney Disease)

ไตเป็นอวัยวะหลักในการขับยาหลายชนิดออกจากร่างกาย เมื่อไตเสื่อมลง ยาจะถูกขับออกได้ช้าลง ทำให้เกิดการสะสมและเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่รุนแรง

กลุ่มยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:

อาการข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง:


2. เมื่อผู้ป่วยเบาหวานมี "โรคตับ" (Liver Disease)

ตับเป็นอวัยวะหลักในการเปลี่ยนแปลงและกำจัดยาหลายชนิด เมื่อตับทำงานผิดปกติ ยาอาจสะสมจนเกิดพิษต่อตับมากขึ้น หรือออกฤทธิ์ผิดเพี้ยนไป

กลุ่มยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:

อาการข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง:


3. เมื่อผู้ป่วยเบาหวานมี "ภาวะหัวใจล้มเหลว" (Heart Failure)

ภาวะนี้ทำให้หัวใจบีบตัวได้ไม่ดี ส่งผลให้มีน้ำและเกลือคั่งในร่างกาย ยาที่กระตุ้นให้ร่างกายเก็บน้ำและเกลือเพิ่มขึ้นจะทำให้อาการของโรคแย่ลงอย่างรวดเร็ว

กลุ่มยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:

อาการข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง:


4. เมื่อผู้ป่วยเบาหวานมี "โรคหลอดเลือดสมอง" (Stroke)

ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักได้รับยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น Aspirin, Clopidogrel) หรือยาละลายลิ่มเลือด (เช่น Warfarin) เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ การใช้ยาอื่นร่วมด้วยจึงต้องระวังความเสี่ยงเลือดออกที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:

อาการข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง:


5. เมื่อผู้ป่วยเบาหวานมี "โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ" (PAD)

ผู้ป่วยมักมีอาการปวดขาเวลาเดิน (Claudication) และอาจได้รับยาต้านเกล็ดเลือดเช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ยาบางชนิดอาจทำให้อาการของโรคแย่ลง

กลุ่มยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:

อาการข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง:


สรุปและข้อปฏิบัติสำคัญ

  1. แจ้งแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง: แจ้งทุกโรคประจำตัวและยา (รวมถึงวิตามิน สมุนไพร) ที่คุณใช้อยู่ทั้งหมด

  2. ทำบัญชียา: จดรายการยาทั้งหมดพกติดตัวเสมอ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่บุคลากรทางการแพทย์ในทุกสถานการณ์

  3. อย่าซื้อยาหรือสมุนไพรทานเอง: โดยเฉพาะยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในหลายภาวะ

  4. สังเกตอาการผิดปกติ: เรียนรู้และจดจำอาการข้างเคียงที่สำคัญของแต่ละโรค หากพบความผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์

  5. พบแพทย์ตามนัดเสมอ: เพื่อติดตามการทำงานของอวัยวะต่างๆ และปรับยาให้เหมาะสมกับสภาวะของร่างกาย

การจัดการเบาหวานที่มีโรคร่วมอย่างปลอดภัยต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างผู้ป่วยและทีมแพทย์ การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้อย่างดีที่สุดและมีคุณภาพชีวิตที่ยืนยาว

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว






โรคเบาหวาน

โรคเบาหวานคืออะไร

ชนิดของเบาหวาน

ความแตกต่างของเบาหวานชนิดที่1และ2

อาการและสัญญาณเตือน

ใครคือกลุ่มเสี่ยง?

การตรวจและวินิจฉัยโรคเบาหวาน

เป้าหมายสำคัญในการควบคุมเบาหวาน

การเจาะน้ำตาลหลังอาหาร

เกณฑ์การควบคุมเบาหวานที่ดี

น้ำตาลหลังอาหาร

โภชนาการและการกิน

อาหารจานสุขภาพ

การออกกำลังกาย

แนวทางการออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวาน

การออกกำลังกายในผู้ที่มีโรคแทรกซ้อน

ออกกำลังกายเวลาไหนด

ยารักษาเบาหวาน

เทคโนโลยีเบาหวาน

บาหวานระยะสงบ

IF กับเบาหวาน

การป้องกันและรับมือภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน

ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังที่ ตา, ไต, และปลายประสาท

การดูแลสุขภาพเท้า

การจัดการความเสี่ยงโรคหัวใจ

การจัดการความดันโลหิตสูง

การจัดการเรื่องไขมัน

การดูแลเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น

การดูแลเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์

การดูแลเบาหวานในผู้สูงอายุ

แนวทางการจัดการน้ำหนัก

เช็กลิสต์การตรวจสุขภาพประจำปี

เที่ยวกับเบาหวาน

การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข