
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
Intermittent Fasting (IF) หรือการอดอาหารเป็นช่วงเวลา คือรูปแบบการกินที่สลับระหว่าง "ช่วงเวลาที่กินได้" (Eating Window) และ "ช่วงเวลาที่ต้องอด" (Fasting Window) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในการลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพ แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานแล้ว IF เปรียบเสมือนดาบสองคมที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อนนำไปปฏิบัติ
การลดน้ำหนัก: งานวิจัยจำนวนมากสรุปตรงกันว่า IF (โดยเฉพาะรูปแบบ Time-Restricted Eating หรือการจำกัดเวลากิน) สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง แต่ประสิทธิภาพไม่เหนือกว่า การควบคุมแคลอรีแบบต่อเนื่อง (Continuous Calorie Restriction) แบบดั้งเดิม
การควบคุมระดับน้ำตาล: การทำ IF อาจช่วยลดระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) ได้เล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นผลมาจากการลดน้ำหนักที่เกิดขึ้น
ประโยชน์อื่นๆ: อาจช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินและลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้
แนวทางเวชปฏิบัติสากลล่าสุดได้ยอมรับว่า IF เป็น "หนึ่งในหลายๆ รูปแบบการกิน" (Eating Pattern) ที่สามารถนำมาใช้ในการดูแลเบาหวานได้
ไม่ได้แนะนำว่าเหนือกว่าวิธีอื่น: สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกรูปแบบการกินที่ ผู้ป่วยสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอและยั่งยืน ในระยะยาว
หลักฐานยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติม: แม้จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่หลักฐานสนับสนุนในระยะยาวยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
การทำ IF อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในกลุ่มต่อไปนี้ (และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เสมอ):
ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ที่ต้องการเครื่องมือช่วยในการจำกัดแคลอรี
ผู้ที่ไม่ได้ใช้ยาที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะน้ำตาลต่ำ (เช่น ไม่ได้ฉีดอินซูลิน หรือไม่ได้ใช้ยากลุ่มซัลโฟนีลยูเรีย)
ผู้ที่มีวินัยสูง และสามารถปฏิบัติตามตารางเวลาการกินและการอดได้อย่างเคร่งครัด
ผู้ที่ไม่มีประวัติของโรคการกินผิดปกติ (Eating Disorders)
กลุ่มต่อไปนี้ ไม่ควรทำ IF หรือต้องปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิดที่สุด เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงมาก:
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1: มีความเสี่ยงสูงมากต่อภาวะเลือดเป็นกรด (DKA) และภาวะน้ำตาลต่ำรุนแรง
ผู้ป่วยที่ฉีดอินซูลิน หรือใช้ยากลุ่มซัลโฟนีลยูเรีย: มีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่งต่อ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ระหว่างช่วงเวลาที่อดอาหาร
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ผู้สูงอายุที่มีโรคร่วมหลายโรค
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะท้าย
ผู้ที่มีประวัติโรคการกินผิดปกติ
ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ (สำคัญที่สุด!):
แจ้งความตั้งใจของคุณให้แพทย์ทราบ แพทย์จะช่วยประเมินความเหมาะสม และที่สำคัญที่สุดคือ ทบทวนและปรับยารักษาเบาหวานของคุณ เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำ
เลือกรูปแบบที่ง่ายที่สุด:
เริ่มต้นด้วยรูปแบบ Time-Restricted Eating (TRE) หรือ 16:8 (อด 16 ชั่วโมง, กิน 8 ชั่วโมง) เช่น เริ่มกินมื้อแรกตอน 10.00 น. และกินมื้อสุดท้ายไม่เกิน 18.00 น. ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
เริ่มต้นช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไป:
อย่าเพิ่งเริ่มอด 16 ชั่วโมงทันที สัปดาห์แรกอาจจะเริ่มจากการอดแค่ 12-14 ชั่วโมงก่อน แล้วค่อยๆ ขยายเวลาออกไปเมื่อร่างกายปรับตัวได้
"กินดี" ในช่วงที่กินได้ และ "ดื่มน้ำ" ในช่วงที่อด:
ช่วงเวลาที่กินได้ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะกินอะไรก็ได้ ยังคงต้องยึดหลัก จานอาหารสุขภาพ 2:1:1
ช่วงที่อดอาหาร ต้องดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอตลอดเวลา ห้ามให้ร่างกายขาดน้ำ
ข้อควรจำ: IF คือ "เครื่องมือ" ในการจำกัดแคลอรี ไม่ใช่ "ยาวิเศษ" หากคุณสามารถควบคุมแคลอรีและลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นที่ทำได้ง่ายกว่าและสม่ำเสมอกว่า วิธีนั้นอาจจะดีที่สุดสำหรับคุณ
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว