
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกายไม่ใช่แค่ "สิ่งที่ดี" สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน แต่มันคือ "ยา" ขนานเอกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว การขยับร่างกายอย่างสม่ำเสมอคือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุด
เมื่อคุณออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะดึงน้ำตาลจากกระแสเลือดไปใช้เป็นพลังงานโดยตรง ซึ่งส่งผลดีหลายประการ:
ลดระดับน้ำตาลในเลือด: ช่วยลดระดับน้ำตาลทั้งในระยะสั้น (หลังออกกำลังกาย) และระยะยาว (ลดน้ำตาลสะสม HbA1c)
เพิ่มความไวของอินซูลิน: ทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ควบคุมน้ำหนัก: ช่วยเผาผลาญแคลอรีและไขมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการเบาหวานชนิดที่ 2
เสริมสร้างสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด: ช่วยลดความดันโลหิต, ลดไขมันเลว (LDL), และเพิ่มไขมันดี (HDL)
ลดความเครียดและส่งเสริมสุขภาพจิต: การออกกำลังกายช่วยปลดปล่อยสารเอ็นดอร์ฟิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น

การออกกำลังกายที่ดีควรผสมผสานทั้ง 3 รูปแบบนี้เข้าด้วยกัน:
เป็นการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและต่อเนื่อง ช่วยเผาผลาญน้ำตาลและไขมันได้ดีเยี่ยม
เป้าหมาย: อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ (หรือ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์)
ตัวอย่าง: การเดินเร็ว, วิ่งเหยาะๆ, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, เต้นแอโรบิก
เป็นการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ซึ่งกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นจะช่วยดึงน้ำตาลไปใช้ได้ดีขึ้น
เป้าหมาย: อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ (ในวันที่ไม่ได้ทำแอโรบิก)
ตัวอย่าง: การยกดัมบ์เบล, การใช้ยางยืด, การออกกำลังกายแบบบอดี้เวท (วิดพื้น, สควอท)
ช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและสำคัญมากในผู้สูงอายุเพื่อป้องกันการหกล้ม
เป้าหมาย: ทำได้ทุกวัน
ตัวอย่าง: โยคะ, ไทเก็ก, การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่ม: โดยเฉพาะหากคุณมีภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ, ความดันสูง, หรือปัญหาที่เท้า
ตรวจวัดระดับน้ำตาล: ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ก่อนและหลัง ออกกำลังกาย โดยเฉพาะในช่วงแรก เพื่อดูการตอบสนองของร่างกาย
เตรียมพร้อมสำหรับภาวะน้ำตาลต่ำ: พกของว่างหรือน้ำหวานติดตัวไว้เสมอ (เช่น ลูกอม, น้ำผลไม้) เผื่อมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ (ใจสั่น, เหงื่อออก, หน้ามืด)
เลือกรองเท้าที่เหมาะสม: สวมรองเท้ากีฬาที่พอดีและถุงเท้าที่ไร้ตะเข็บ เพื่อป้องกันแผลที่เท้า
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำทั้งก่อน, ระหว่าง, และหลังออกกำลังกาย
ฟังสัญญาณร่างกาย: หากรู้สึกเจ็บหน้าอก, เวียนศีรษะ, หรือเหนื่อยผิดปกติ ให้หยุดพักทันที
ลดการนั่งนิ่ง: พยายามลุกขึ้นขยับร่างกายทุกๆ 30 นาที เพื่อขัดจังหวะการนั่งนานๆ
การทำให้การออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณควบคุมเบาหวานได้สำเร็จและมีชีวิตที่แข็งแรงและมีความสุข
การออกกำลังกายHIITสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ออกกำลังกายเวลาไหนดี ปวดเข่าปวดหลังออกกำลักายแบบไหน แนวทางการออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวาน การออกกำลังกายในผู้ที่มีโรคแทรกซ้อน
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว