การดูแลเบาหวานในผู้สูงอายุ: แนวทางเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน
เมื่ออายุมากขึ้น การจัดการโรคเบาหวานจะมีความซับซ้อนและต้องอาศัยแนวทางที่แตกต่างไปจากวัยหนุ่มสาว เป้าหมายการรักษาไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการควบคุมตัวเลขระดับน้ำตาลอย่างเข้มงวด แต่ให้ความสำคัญสูงสุดกับ "การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ป้องกันภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันที่อันตราย และรักษาสมรรถภาพร่างกายให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้นานที่สุด"
ความท้าทายของเบาหวานในผู้สูงอายุ
การดูแลเบาหวานในผู้สูงอายุมีความพิเศษและต้องใส่ใจในหลายมิติ เนื่องจากผู้สูงอายุมักมีลักษณะเฉพาะตัวดังนี้:
-
มีโรคร่วมหลายอย่าง (Comorbidities): เช่น ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, โรคหัวใจ, โรคไต ซึ่งทำให้ต้องรับประทานยาหลายชนิด (Polypharmacy) และเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยา
-
เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำสูง (High Risk of Hypoglycemia): ผู้สูงอายุอาจมีอาการเตือนของภาวะน้ำตาลต่ำไม่ชัดเจน และหากเกิดขึ้นอาจส่งผลรุนแรง เช่น ทำให้เกิดการพลัดตกหกล้ม, กระดูกหัก, หรือกระทบต่อการทำงานของสมองและหัวใจ
-
มีกลุ่มอาการผู้สูงอายุ (Geriatric Syndromes): เช่น ภาวะสมองเสื่อม, การพลัดตกหกล้ม, ภาวะซึมเศร้า, ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งภาวะเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดูแลจัดการเบาหวานด้วยตนเอง
-
สมรรถภาพร่างกายถดถอย (Functional Decline): การมองเห็นลดลง, การเคลื่อนไหวลำบาก, หรือภาวะเปราะบาง (Frailty) ทำให้การเตรียมอาหาร การออกกำลังกาย หรือการฉีดยาด้วยตนเองทำได้ยากขึ้น
หัวใจสำคัญ: การประเมินอย่างรอบด้านเพื่อตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม
ก่อนจะเริ่มการรักษา ทีมแพทย์จะทำการประเมินผู้สูงอายุอย่างครอบคลุม ไม่ใช่แค่เรื่องเบาหวาน แต่รวมถึง:
-
สุขภาพโดยรวม: มีโรคร่วมอะไรบ้าง? สุขภาพแข็งแรงดีหรือมีภาวะเปราะบาง?
-
สมรรถภาพร่างกายและการทำงานของสมอง: ช่วยเหลือตัวเองได้แค่ไหน? มีปัญหาเรื่องความจำหรือไม่?
-
ปัจจัยทางจิตสังคม: มีผู้ดูแลหรือไม่? มีภาวะซึมเศร้าหรือความเครียดหรือไม่?
ข้อมูลเหล่านี้จะนำมาสู่การกำหนด "เป้าหมายระดับน้ำตาล (HbA1c) ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล"
เป้าหมายระดับน้ำตาล (HbA1c) ที่ยืดหยุ่นตามสุขภาพ
ตามแนวทางเวชปฏิบัติฯ ของไทย ได้แบ่งกลุ่มผู้สูงอายุเพื่อกำหนดเป้าหมาย HbA1c ที่เหมาะสมและปลอดภัย ดังนี้:
| สุขภาพของผู้สูงอายุ |
ลักษณะ |
เป้าหมาย HbA1c |
| กลุ่มที่ 1: สุขภาพแข็งแรง (Healthy) |
ช่วยเหลือตัวเองได้ดี, มีโรคร่วมน้อย, การทำงานของสมองปกติ |
< 7.0% |
| กลุ่มที่ 2: สุขภาพซับซ้อน (Complex) |
มีโรคร่วมหลายโรค, พึ่งพาผู้อื่นในการทำกิจวัตร, มีภาวะสมองเสื่อมระยะแรก |
< 8.0% |
| กลุ่มที่ 3: สุขภาพไม่ดี (Very Complex/Poor Health) |
มีโรคประจำตัวรุนแรงระยะท้าย, ต้องพึ่งพาผู้อื่นอย่างสมบูรณ์, อยู่ในระยะท้ายของชีวิต |
< 8.5% |
การตั้งเป้าหมายที่ผ่อนคลายขึ้นในกลุ่มที่สุขภาพซับซ้อน ก็เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำให้มากที่สุด
แนวทางการรักษาที่ปลอดภัยและเหมาะสม
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
-
โภชนบำบัด: เน้นอาหารที่สมดุล มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดเกินไป แต่ให้สอดคล้องกับความอยากอาหารและสภาวะสุขภาพ ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลาเพื่อป้องกันน้ำตาลต่ำ
-
การออกกำลังกาย: ส่งเสริมให้เคลื่อนไหวร่างกายเท่าที่ทำได้ เช่น เดิน, รำไทเก็ก, หรือกายบริหารบนเก้าอี้ เพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินดีขึ้น
2. การเลือกใช้ยา
หลักการสำคัญคือ "Safety First" - ความปลอดภัยต้องมาก่อน
-
เลือกยาที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำน้อยที่สุด: ยาเมทฟอร์มิน (Metformin) ยังคงเป็นยาตัวแรกที่แนะนำหากไม่มีข้อห้าม ส่วนยากลุ่มใหม่ๆ เช่น DPP-4 inhibitors, SGLT2 inhibitors, GLP-1 RA มักมีความปลอดภัยสูงในผู้สูงอายุ
-
หลีกเลี่ยงยาที่เสี่ยงน้ำตาลต่ำสูง: เช่น ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) รุ่นเก่า หรือพิจารณาใช้ในขนาดต่ำที่สุดหากจำเป็น
-
ทำให้ง่ายเข้าไว้ (Simplify Regimen): พยายามจัดตารางการให้ยาให้ง่ายที่สุด ลดจำนวนยาและจำนวนครั้งในการรับประทานต่อวัน เพื่อลดความสับสนและเพิ่มความร่วมมือในการรักษา
-
การใช้อินซูลิน: หากจำเป็นต้องใช้ ควรเลือกชนิดที่ออกฤทธิ์ยาวและมีความเสี่ยงน้ำตาลต่ำน้อยที่สุด และพิจารณาให้ผู้ดูแลช่วยในการบริหารยา
การจัดการภาวะแทรกซ้อนและกลุ่มอาการผู้สูงอายุ
-
ความดันโลหิตและไขมัน: ยังคงต้องควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม แต่เป้าหมายอาจผ่อนคลายกว่าคนหนุ่มสาว ขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพโดยรวม
-
การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน: ยังคงแนะนำให้ตรวจตา, ไต, และเท้าเป็นประจำทุกปี
-
การป้องกันการหกล้ม: ประเมินความเสี่ยงและจัดการปัจจัยที่อาจทำให้หกล้ม เช่น การปรับสภาพแวดล้อมในบ้าน, การใช้ยาที่อาจทำให้เวียนศีรษะ
-
การประเมินการทำงานของสมอง: หากมีสัญญาณของความจำถดถอย ควรได้รับการประเมินเพิ่มเติม
โดยสรุป การดูแลเบาหวานในผู้สูงอายุเป็นการดูแลแบบองค์รวมที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างทีมแพทย์ ผู้ป่วย และครอบครัว โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากตัวโรคและการรักษา
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว