
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
โรคเบาหวานไม่ใช่โรคเดียวกันทั้งหมด การแยกว่าผู้ป่วยเป็น เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes, T1D) หรือ เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes, T2D) มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะแนวทางการรักษาและการพยากรณ์โรคแตกต่างกัน หากวินิจฉัยผิดพลาดอาจทำให้การรักษาไม่ตรงจุด และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ไตวาย หรือการสูญเสียการมองเห็น
แม้จะมีสาเหตุและกลไกการเกิดโรคที่ต่างกัน แต่ทั้งสองชนิดมีจุดร่วมที่สำคัญ ได้แก่:
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ (Hyperglycemia)
ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง เช่น เบาหวานขึ้นจอประสาทตา, ไตเสื่อม, ปลายประสาทเสื่อม, โรคหัวใจและหลอดเลือด
จำเป็นต้องปรับพฤติกรรม ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์
ต้องติดตามสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เช่น น้ำตาลในเลือด, ความดันโลหิต, และไขมันในเลือด

ความแตกต่างในแง่มุมต่างๆ คือสิ่งที่กำหนดแนวทางการดูแลรักษาที่เหมาะสม นี่คือการเปรียบเทียบประเด็นต่อประเด็นที่ชัดเจนที่สุด
ตารางเปรียบเทียบเบาหวานชนิดที่ 1 vs ชนิดที่ 2 (ข้อมูลล่าสุด 2025)
| คุณสมบัติ | เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes) | เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) |
| ประวัติครอบครัว | มีความเชื่อมโยงน้อยกว่า แต่เพิ่มความเสี่ยงได้ | มีความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมสูงมาก |
| อายุที่พบบ่อย | เด็ก, วัยรุ่น, ผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว (<30 ปี) | ผู้ใหญ่ (>40 ปี) แต่เริ่มพบในคนอายุน้อยลง |
| น้ำหนักตัว | มักมีน้ำหนัก ปกติหรือผอม | ส่วนใหญ่มีภาวะ น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน |
| อาการเริ่มต้น | รวดเร็ว, เฉียบพลัน, รุนแรง (น้ำหนักลดฮวบ) | ค่อยเป็นค่อยไป, ช้าๆ หรืออาจไม่มีอาการเลย |
| การตรวจวินิจฉัย | อาจตรวจ Autoantibodies (เช่น anti-GAD) และ C-peptide เพื่อยืนยัน | อาศัยการตรวจน้ำตาลพื้นฐานและประเมินปัจจัยเสี่ยงร่วม |
| การรักษา | ต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต ตั้งแต่วันแรกที่วินิจฉัย | เริ่มต้นด้วย การปรับวิถีชีวิต, จากนั้นใช้ยาเม็ด และอาจใช้อินซูลินในระยะท้าย |
| ภาวะแทรกซ้อนทางตา | เกิดขึ้นได้เร็ว (ภายใน 5-10 ปี) เนื่องจากโรคเริ่มตั้งแต่อายุน้อย | พบได้บ่อยกว่าในภาพรวม (20-30%) เพราะมักตรวจพบโรคช้า |
| ภาวะแทรกซ้อนทางไต | พบได้บ่อยในระยะยาว (30-40%) | ความเสี่ยงสูงกว่า (40-50%) โดยเฉพาะหากมีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย |
| ภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดสมอง | ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2-4 เท่าจากภาวะน้ำตาลสูง | ความเสี่ยงสูงสุด เพราะมีปัจจัยเสี่ยงร่วมหลายอย่าง (โรคอ้วน, ความดัน, ไขมัน) |
การแยกแยะชนิดของเบาหวานไม่ใช่แค่เรื่องทางวิชาการ แต่ส่งผลโดยตรงต่อแผนการรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย การวินิจฉัยที่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่มจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ตรงจุด ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยืนยาวและมีสุขภาพดี
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว