หน้าหลัก | สุขภาพดี
| สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) เป็นกลุ่มของโรคที่มีลักษณะร่วมกันคือระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ
แต่สาเหตุและลักษณะอาการแตกต่างกันออกไป ปัจจุบันแบ่งออกเป็นหลายชนิดหลัก ๆ ดังนี้
1.ภาวะ Prediabetic ภาวะก่อนเบาหวาน
Prediabetes เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ
แต่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างชัดเจน
ภาวะนี้มักไม่มีอาการชัดเจน ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
ภาวะก่อนเบาหวาน
2. เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes)
เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างอินซูลินได้
พบมากในเด็กและวัยรุ่น ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้อินซูลินฉีดตลอดชีวิต
พบได้น้อยกว่า (ประมาณ 5-10%)
เบาหวานชนิดที่ 1 ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิต แต่เป็น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Disease) ชนิดหนึ่ง
-
กลไกการเกิดโรค: เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดพลาดและเข้าไปทำลาย "เบต้าเซลล์" ในตับอ่อน ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน จนทำให้ร่างกาย ขาดอินซูลินอย่างสิ้นเชิง (ไม่มีกุญแจสำหรับเปิดประตูเซลล์)
-
กลุ่มเสี่ยง: มักได้รับการวินิจฉัยในเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวหรือการออกกำลังกาย
-
ลักษณะอาการ: อาการมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง เช่น ดื่มน้ำมาก ปัสสาวะมาก หิวบ่อยแต่น้ำหนักลดฮวบฮาบ และอาจมาพบแพทย์ด้วยภาวะเลือดเป็นกรด (DKA) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉิน
-
แนวทางการรักษา: จำเป็นต้องได้รับการฉีดอินซูลินทดแทนตลอดชีวิต ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการวินิจฉัย เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะทดแทนอินซูลินที่ร่างกายสร้างไม่ได้
- คำจำกัดความ: เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์เบต้าในตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ร่างกายขาดอินซูลินอย่างสมบูรณ์
- สาเหตุ: ส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรมร่วมกับปัจจัยสิ่งแวดล้อม (เช่น ไวรัส) มักพบในเด็กและวัยรุ่น
- ลักษณะ: ผู้ป่วยต้องพึ่งพาอินซูลินตลอดชีวิต
- อาการ: ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
โรคเบาหวานชนิดที่1
3. เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)
เป็นชนิดที่พบมากที่สุด เกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลินและ/หรือร่างกายสร้างอินซูลินไม่เพียงพอ
มักพบในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกิน ขาดการออกกำลังกาย หรือมีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน
การปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย และใช้ยาเป็นวิธีการรักษาหลัก
พบได้บ่อยที่สุด (ประมาณ 90-95% ของผู้ป่วยทั้งหมด)
เบาหวานชนิดที่ 2 คือชนิดที่คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเมื่อพูดถึงโรคเบาหวาน มักเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต
-
กลไกการเกิดโรค: เกิดจาก ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) เป็นหลัก ในช่วงแรกตับอ่อนยังสามารถผลิตอินซูลินได้ แต่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายกลับไม่ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีเท่าเดิม (เหมือนแม่กุญแจขึ้นสนิม) ทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อผลิตอินซูลินในปริมาณมหาศาล จนในที่สุดก็อ่อนล้าและผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
-
กลุ่มเสี่ยง: มักพบในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป, มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน, มีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน, และขาดการออกกำลังกาย แต่ในปัจจุบันพบในคนอายุน้อยลงเรื่อยๆ
-
ลักษณะอาการ: การดำเนินโรคเป็นไปอย่างช้าๆ ในช่วงแรกมักไม่มีอาการ ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคมานานหลายปี
-
แนวทางการรักษา: เน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นอันดับแรก (ควบคุมอาหาร, ออกกำลังกาย, ลดน้ำหนัก) ควบคู่กับการใช้ยาชนิดรับประทาน และในบางรายอาจต้องใช้ยาฉีดหรืออินซูลินในระยะท้ายของโรค
- คำจำกัดความ: เกิดจากร่างกายดื้อต่ออินซูลินหรือตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ
- สาเหตุ: เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ภาวะอ้วน ขาดการออกกำลังกาย และวิถีชีวิต มักพบในผู้ใหญ่ แต่เริ่มพบในเด็กมากขึ้น
- ลักษณะ: สามารถควบคุมได้ด้วยยา อินซูลิน หรือการเปลี่ยนวิถีชีวิต
- อาการ: คล้ายชนิดที่ 1 แต่บางรายอาจไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก
เบาหวานชนิดที่2
4. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes)
เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ในสตรีที่ไม่เคยเป็นเบาหวานมาก่อน
มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้ดื้อต่ออินซูลิน
ส่วนใหญ่ภาวะนี้จะหายไปหลังคลอด แต่เพิ่มความเสี่ยงเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต
เป็นภาวะน้ำตาลในเลือดสูงที่เกิดขึ้นและได้รับการวินิจฉัยระหว่างการตั้งครรภ์ โดยที่ผู้ป่วยไม่เคยเป็นเบาหวานมาก่อน
-
กลไกการเกิดโรค: เกิดจากฮอร์โมนที่สร้างจากรกเพื่อการเจริญเติบโตของทารก ไปออกฤทธิ์ต้านการทำงานของอินซูลิน ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินชั่วคราว
-
กลุ่มเสี่ยง: สตรีตั้งครรภ์ทุกคนมีความเสี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะอ้วน, มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน หรือเคยมีประวัติเป็น GDM มาก่อน
-
ผลกระทบ: หากควบคุมไม่ได้ อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ (เช่น ทารกตัวโต, คลอดยาก)
-
แนวทางการรักษา: ส่วนใหญ่มักควบคุมได้ด้วยการปรับอาหารและออกกำลังกาย แต่บางรายอาจต้องใช้อินซูลินช่วยควบคุมระดับน้ำตาล โดยภาวะนี้ มักจะหายไปเองหลังคลอด แต่ผู้ที่เป็น GDM จะมีความเสี่ยงสูงมากในการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต
- คำจำกัดความ: เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์เมื่อร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น
- สาเหตุ: ฮอร์โมนการตั้งครรภ์และพันธุกรรม
- ลักษณะ: มักหายหลังคลอด แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคตทั้งแม่และลูก
- อาการ: บางครั้งไม่มีอาการชัดเจน ต้องตรวจคัดกรอง
เบาหวานขณะตั้งครรภ์
5. ชนิดอื่น ๆเบาหวานชนิดหายาก (Other Specific Types)
- Maturity-Onset Diabetes of the Young (MODY): เกิดจากพันธุกรรมเฉพาะ (เช่น ยีน HNF1A, HNF4A) มักพบในวัยหนุ่มสาวและไม่ขึ้นกับน้ำหนัก
- Diabetes due to other causes: เช่น โรคตับอ่อนอักเสบหรือการใช้ยาบางชนิด (สเตียรอยด์)
- เบาหวานจากพันธุกรรมผิดปกติ (Monogenic Diabetes)
- เบาหวานที่เกิดจากโรคของตับอ่อน
- เบาหวานที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์
ตารางเปรียบเทียบเบาหวานชนิดต่างๆ
| คุณสมบัติ |
เบาหวานชนิดที่ 2 |
เบาหวานชนิดที่ 1 |
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ |
| ความชุก |
พบบ่อยที่สุด (90-95%) |
พบน้อย (5-10%) |
พบเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ |
| กลไกหลัก |
ภาวะดื้ออินซูลิน |
ภาวะขาดอินซูลิน |
ภาวะดื้ออินซูลินจากฮอร์โมน |
| ช่วงอายุที่พบบ่อย |
ผู้ใหญ่ (แต่พบในวัยรุ่นได้) |
เด็กและวัยหนุ่มสาว |
ระหว่างตั้งครรภ์ |
| การดำเนินโรค |
ค่อยเป็นค่อยไป |
รวดเร็วและรุนแรง |
เกิดขึ้นชั่วคราว |
| การรักษาหลัก |
ปรับพฤติกรรม, ยาเม็ด |
ฉีดอินซูลินตลอดชีวิต |
ควบคุมอาหาร, อินซูลิน (บางราย) |
สรุป
การเข้าใจชนิดของโรคเบาหวานช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาและการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
หากคุณมีความเสี่ยงหรือสงสัยว่ามีอาการ ควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์
โรคเบาหวาน
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว