siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

คู่มือการตรวจน้ำตาลด้วยตนเอง: เข้าใจความแตกต่างระหว่าง BGM และ CGM

การติดตามระดับน้ำตาลในเลือดเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการโรคเบาหวานให้มีประสิทธิภาพ การทราบค่าระดับน้ำตาลของตนเองช่วยให้ผู้ป่วย แพทย์ และทีมผู้ดูแลสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ปัจจุบัน เทคโนโลยีในการตรวจวัดระดับน้ำตาลมี 2 รูปแบบหลัก คือ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง (BGM) และการตรวจติดตามระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดเด่นและบทบาทที่แตกต่างกัน


1. การตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Monitoring - BGM)

BGM หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ

การเจาะน้ำตาลปลายนิ้ว เป็นวิธีการมาตรฐานที่ใช้กันมานาน โดยใช้เครื่องตรวจน้ำตาลชนิดพกพา (Glucometer) เพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยตรง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง

วิธีการทำงาน

ผู้ใช้จะใช้เข็มขนาดเล็ก (Lancet) เจาะที่ปลายนิ้วเพื่อให้ได้เลือดหยดเล็กๆ จากนั้นนำเลือดไปแตะที่ปลายแถบทดสอบ (Test Strip) ที่เสียบอยู่กับเครื่องตรวจ เครื่องจะใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการวิเคราะห์และแสดงผลระดับน้ำตาลในเลือด ณ ขณะนั้นออกมาเป็นตัวเลขบนหน้าจอ

ใครควรใช้ BGM?

การทำ BGM มีความจำเป็นอย่างยิ่งในผู้ป่วยกลุ่มต่อไปนี้:

ข้อดีและข้อจำกัด


2. การตรวจติดตามระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitoring - CGM)

CGM เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของระดับน้ำตาลได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเจาะเลือดปลายนิ้วบ่อยครั้ง

วิธีการทำงาน

CGM ใช้อุปกรณ์เซ็นเซอร์ขนาดเล็กที่สอดไว้ใต้ผิวหนังเพื่อวัดระดับน้ำตาลใน

สารน้ำแทรกระหว่างเซลล์ (Interstitial Fluid) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือด เซ็นเซอร์จะทำการวัดค่าทุกๆ 1-5 นาที และส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังเครื่องรับสัญญาณ, สมาร์ทโฟน, หรืออินซูลินปั๊ม ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นระดับน้ำตาลของตนเองได้ตลอดเวลา รวมถึงลูกศรแสดงแนวโน้ม ว่าระดับน้ำตาลกำลังขึ้น, ลง, หรือคงที่

ใครควรใช้ CGM?

แนวทางเวชปฏิบัติทั้งในและต่างประเทศแนะนำให้ใช้ CGM อย่างยิ่งในผู้ป่วยกลุ่มต่อไปนี้:

ข้อมูลสำคัญที่ได้จาก CGM

CGM ให้ข้อมูลที่ลึกซึ้งกว่า BGM มาก ซึ่งช่วยในการปรับการรักษาและการใช้ชีวิตได้อย่างละเอียด ข้อมูลสำคัญประกอบด้วย:


BGM vs. CGM: สรุปความแตกต่าง

คุณสมบัติ BGM (เจาะปลายนิ้ว) CGM (เซ็นเซอร์ต่อเนื่อง)
สิ่งที่วัด ระดับน้ำตาลใน เลือด โดยตรง ระดับน้ำตาลใน สารน้ำแทรกระหว่างเซลล์
ข้อมูลที่ได้ ค่า ณ เวลาที่ตรวจ (ภาพนิ่ง) ข้อมูลต่อเนื่องตลอดเวลาและแนวโน้ม (ภาพยนตร์)
การแจ้งเตือน ไม่มี มีการแจ้งเตือนเมื่อน้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไป
ข้อมูลเชิงลึก ตัวเลขเดี่ยว Time in Range (TIR), แนวโน้ม, ความผันผวน
ความสะดวก ต้องเจาะเลือดทุกครั้งที่ต้องการทราบค่า เจ็บตัวน้อยกว่า, ทราบค่าได้ตลอดเวลา

บทสรุป

BGM ยังคงเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการยืนยันค่าในภาวะฉุกเฉินและสำหรับการสอบเทียบเครื่อง CGM ในขณะที่ CGM ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการจัดการเบาหวานยุคใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยและแพทย์เห็นภาพรวมของระดับน้ำตาลได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การเลือกว่าจะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน, แผนการรักษา, ความเสี่ยงของแต่ละบุคคล, และการเข้าถึงเทคโนโลยี สิ่งสำคัญที่สุดคือการนำข้อมูลที่ได้ไปปรึกษาแพทย์และทีมผู้ดูแลเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณ

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว






โรคเบาหวาน

โรคเบาหวานคืออะไร

ชนิดของเบาหวาน

ความแตกต่างของเบาหวานชนิดที่1และ2

อาการและสัญญาณเตือน

ใครคือกลุ่มเสี่ยง?

การตรวจและวินิจฉัยโรคเบาหวาน

เป้าหมายสำคัญในการควบคุมเบาหวาน

การเจาะน้ำตาลหลังอาหาร

เกณฑ์การควบคุมเบาหวานที่ดี

น้ำตาลหลังอาหาร

โภชนาการและการกิน

อาหารจานสุขภาพ

การออกกำลังกาย

แนวทางการออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวาน

การออกกำลังกายในผู้ที่มีโรคแทรกซ้อน

ออกกำลังกายเวลาไหนด

ยารักษาเบาหวาน

เทคโนโลยีเบาหวาน

บาหวานระยะสงบ

IF กับเบาหวาน

การป้องกันและรับมือภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน

ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังที่ ตา, ไต, และปลายประสาท

การดูแลสุขภาพเท้า

การจัดการความเสี่ยงโรคหัวใจ

การจัดการความดันโลหิตสูง

การจัดการเรื่องไขมัน

การดูแลเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น

การดูแลเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์

การดูแลเบาหวานในผู้สูงอายุ

แนวทางการจัดการน้ำหนัก

เช็กลิสต์การตรวจสุขภาพประจำปี

เที่ยวกับเบาหวาน

การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข