siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

โรคเบาหวานกับการประเมินด้วยตัวเอง: คู่มือฉบับสมบูรณ์

การดูแลโรคเบาหวานอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในห้องตรวจของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากแพทย์มักนัดติดตามผลการรักษาทุกๆ 3-4 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นาน หากผู้ป่วยขาดการประเมินและดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

การ "ประเมินตัวเอง" ที่บ้าน จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยและแพทย์เห็นภาพรวมของระดับน้ำตาลที่แท้จริง สามารถป้องกันหรือชะลอการเสื่อมของอวัยวะสำคัญ เช่น ตา ไต เส้นประสาท และหลอดเลือด ได้อย่างทันท่วงที

บทความนี้จะรวบรวมวิธีการประเมินการควบคุมเบาหวานด้วยตัวเอง เพื่อให้คุณสามารถวางแผนปรับการคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ยา ร่วมกับแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีประเมินการควบคุมเบาหวานด้วยตัวเอง

การประเมินผลการคุมเบาหวานมีหลายวิธี ตั้งแต่การตรวจที่ทำได้ทุกวัน ไปจนถึงการตรวจเพื่อดูภาพรวมระยะยาว ดังนี้

  1. การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง (SMBG)

  2. การตรวจวัดน้ำตาลต่อเนื่อง (CGM) (ข้อมูลเพิ่มเติม)

  3. การตรวจฮีโมโกลบิน เอวันซี (HbA1c)

  4. การตรวจปัสสาวะ (หาค่าน้ำตาลและคีโตน)

  5. การวัดความดันโลหิต

1. การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง (SMBG)

นี่คือวิธีมาตรฐานที่ให้ข้อมูลระดับน้ำตาล ณ "จุดเวลา" ที่เจาะ (Snapshot) โดยใช้เครื่องตรวจปลายนิ้ว

ใครควรตรวจ SMBG?

ควรเจาะเวลาไหนและความถี่เท่าไหร่?


2. การตรวจวัดน้ำตาลต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitoring - CGM)

นี่คือเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า SMBG โดยใช้เซ็นเซอร์ขนาดเล็กสอดไว้ใต้ผิวหนัง เพื่อวัดระดับน้ำตาลในของเหลวระหว่างเซลล์ตลอด 24 ชั่วโมง

จุดเด่นของ CGM:

CGM เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยชนิดที่ 1, ผู้ที่ฉีดอินซูลินหลายครั้ง, ผู้ที่มีภาวะน้ำตาลต่ำบ่อย หรือผู้ที่ต้องการควบคุมเบาหวานอย่างเข้มงวด


3. การตรวจฮีโมโกลบิน เอวันซี (HbA1c)

นี่คือการตรวจเลือดโดยแพทย์ เพื่อดูค่า "น้ำตาลเฉลี่ยสะสม" ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เปรียบเสมือนการดู "เกรดเฉลี่ย" ของการคุมเบาหวาน ไม่ใช่การดูผลสอบรายวัน

ความถี่ในการตรวจ:

เป้าหมายของ HbA1c:

เป้าหมายจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยมีแนวทางทั่วไปดังนี้

ความสัมพันธ์ระหว่าง HbA1c กับค่าน้ำตาลเฉลี่ย

HbA1c ค่าน้ำตาลเฉลี่ย (mg/dl)
6.0% 126
7.0% 154
8.0% 183
9.0% 212
10.0% 240
11.0% 269
12.0% 298

หากค่า HbA1c สูงกว่า 7% (น้ำตาลเฉลี่ยเกิน 154 mg/dl) แสดงว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการรักษาอย่างจริงจัง


4. การตรวจปัสสาวะ (น้ำตาลและคีโตน)

การตรวจน้ำตาลในปัสสาวะ:

การตรวจคีโตนในปัสสาวะ:

5.การวัดความดันโลหิตที่บ้าน

การวัดความดันโลหิตที่บ้าน (Home Blood Pressure Monitoring) มีความสำคัญเหมือนกับการตรวจน้ำตาลด้วยตัวเอง (SMBG) ครับ เพราะจะช่วยให้แพทย์เห็นค่าความดันที่แท้จริงของคุณ (ไม่ใช่แค่ตอนที่ไปโรงพยาบาลซึ่งอาจจะตื่นเต้น)

สรุป: การควบคุมเบาหวานให้ดี ไม่ได้มีแค่การคุมน้ำตาล (SMBG และ HbA1c) แต่ต้องควบคุม "ความดันโลหิต" และ "ไขมันในเลือด" ควบคู่กันไปด้วยครับ

 

บทสรุป

การรอตรวจเลือดกับแพทย์ทุก 3-4 เดือนนั้นไม่เพียงพอ การประเมินตนเองที่บ้าน โดยเฉพาะการใช้ SMBG เพื่อดูน้ำตาลในแต่ละวัน และการใช้ HbA1c เพื่อดูภาพรวมระยะยาว (หรือ CGM หากมีข้อบ่งชี้) เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ที่จะช่วยให้คุณและแพทย์สามารถปรับแผนการรักษา (อาหาร การออกกำลังกาย และยา) เพื่อควบคุมโรคเบาหวานและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว






โรคเบาหวาน

โรคเบาหวานคืออะไร

ชนิดของเบาหวาน

ความแตกต่างของเบาหวานชนิดที่1และ2

อาการและสัญญาณเตือน

ใครคือกลุ่มเสี่ยง?

การตรวจและวินิจฉัยโรคเบาหวาน

เป้าหมายสำคัญในการควบคุมเบาหวาน

การเจาะน้ำตาลหลังอาหาร

เกณฑ์การควบคุมเบาหวานที่ดี

น้ำตาลหลังอาหาร

โภชนาการและการกิน

อาหารจานสุขภาพ

การออกกำลังกาย

แนวทางการออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวาน

การออกกำลังกายในผู้ที่มีโรคแทรกซ้อน

ออกกำลังกายเวลาไหนด

ยารักษาเบาหวาน

เทคโนโลยีเบาหวาน

บาหวานระยะสงบ

IF กับเบาหวาน

การป้องกันและรับมือภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน

ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังที่ ตา, ไต, และปลายประสาท

การดูแลสุขภาพเท้า

การจัดการความเสี่ยงโรคหัวใจ

การจัดการความดันโลหิตสูง

การจัดการเรื่องไขมัน

การดูแลเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น

การดูแลเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์

การดูแลเบาหวานในผู้สูงอายุ

แนวทางการจัดการน้ำหนัก

เช็กลิสต์การตรวจสุขภาพประจำปี

เที่ยวกับเบาหวาน

การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข