
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ในการวินิจฉัยและดูแลโรคเบาหวาน นอกจากการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ยังมีการตรวจเลือดอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินการทำงานของตับอ่อนโดยตรง นั่นคือ การตรวจระดับ C-peptide
แม้จะไม่ใช่การตรวจที่ผู้ป่วยทุกคนต้องทำ แต่ C-peptide เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างยิ่งสำหรับแพทย์ในการ "เจาะลึก" ถึงต้นตอของโรคเบาหวาน เพื่อแยกชนิดและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างแม่นยำที่สุด
C-peptide คือโปรตีนสายสั้นๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในเบต้าเซลล์ของตับอ่อนและถูกปล่อยออกมาสู่กระแสเลือด พร้อมกันกับฮอร์โมนอินซูลิน ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เสมอ
เปรียบเทียบง่ายๆ: หากตับอ่อนคือโรงงานผลิตอินซูลิน, อินซูลินก็คือ "สินค้า" และ C-peptide ก็คือ "กล่องบรรจุภัณฑ์" ที่ออกมาจากโรงงานพร้อมกันในจำนวนเท่ากันเสมอ
ดังนั้น การวัดระดับ "กล่อง" (C-peptide) ในกระแสเลือด จึงเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการบอกว่า "โรงงาน" (ตับอ่อน) ของผู้ป่วยยังสามารถผลิต "สินค้า" (อินซูลิน) ได้เองมากน้อยเพียงใด
แพทย์จะใช้การตรวจนี้เพื่อตอบคำถามสำคัญๆ ดังนี้:
1. เพื่อช่วยแยกชนิดของเบาหวาน (Differentiating Diabetes Types): นี่คือบทบาทที่พบบ่อยและสำคัญที่สุด โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ลักษณะไม่ชัดเจน
2. เพื่อประเมินการทำงานของตับอ่อนที่เหลืออยู่: ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เป็นมานานและเริ่มคุมน้ำตาลได้ไม่ดี การตรวจ C-peptide จะช่วยบอกได้ว่าตับอ่อนเริ่ม "ล้า" และผลิตอินซูลินได้น้อยลงแล้วหรือยัง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการพิจารณาว่าถึงเวลาที่ต้องเริ่มการรักษาด้วยยาฉีดอินซูลินแล้วหรือไม่
3. เพื่อหาสาเหตุของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia): ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำโดยไม่ทราบสาเหตุ การตรวจ C-peptide จะช่วยแยกได้ว่าเกิดจากการที่ร่างกายผลิตอินซูลินออกมามากเกินไปเอง หรือเกิดจากการได้รับอินซูลินจากภายนอก (เช่น การฉีดยาเกินขนาด)
การตรวจ C-peptide ไม่ใช่การตรวจคัดกรองเบาหวานทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือวินิจฉัยเชิงลึกที่ช่วยให้แพทย์เข้าใจสภาวะของตับอ่อนและต้นตอของโรคในผู้ป่วยแต่ละรายได้ดีขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่แม่นยำและเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว