siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

ยากลุ่มซัลโฟนีลยูเรีย (Sulfonylurea): คู่มือการใช้ยาเบาหวานที่ต้องรู้

บทนำ ยากลุ่มซัลโฟนีลยูเรีย (Sulfonylurea) เป็นยารับประทานกลุ่มแรกๆ ที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และยังคงมีบทบาทสำคัญในการรักษาปัจจุบัน เนื่องจากมี ประสิทธิภาพสูงในการลดระดับน้ำตาลในเลือดและมีราคาไม่แพง ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถเข้าถึงการรักษาได้ อย่างไรก็ตาม ยานี้มีข้อควรระวังที่สำคัญ โดยเฉพาะความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น บทความนี้จะให้ข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลใช้ยาในกลุ่มนี้ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

กลไกการออกฤทธิ์

ยาในกลุ่ม Sulfonylurea ออกฤทธิ์โดยตรงที่ตับอ่อน โดยจะ

กระตุ้นเซลล์เบต้า (beta cell) ให้ผลิตและหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมามากขึ้นอินซูลินที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยนำน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง

ยาแก้เบาหวาน

บทบาทในการรักษาปัจจุบัน

ในแนวทางการรักษาเบาหวานปัจจุบัน ยากลุ่ม Sulfonylurea ถือเป็นยาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงแพทย์มักพิจารณาใช้ในกรณีต่อไปนี้:

ยาในกลุ่ม Sulfonylurea ที่ใช้บ่อยในปัจจุบัน

ยาในกลุ่มนี้แบ่งเป็นรุ่นที่ 1 (First Generation) และรุ่นที่ 2 (Second Generation) ปัจจุบันนิยมใช้ยารุ่นที่ 2 เป็นหลัก เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า ยาที่ใช้บ่อย ได้แก่:

ยาในกลุ่ม Sulfonylureas มีอะไรบ้าง

ชื่อยา

ขนาดยาที่ใช้ต่อวัน(มก)

จำนวนครั้งต่อวัน

ระยะเวลาการออกฤทธิ์

Tolbutamide[500 มก.]

500-3000

2-3

6-10

Chlorpropamide[250 มก.]

100-500

1

24-72

Gliquidone [30 มก]

15-120

1-2

8-12

Glicazide[80 มก ]

80-320

1-2

10-20

Glipizide[5มก ]

2.5-40

1-2

12-16

Glibenclamide[5] มก

2.5-20

1-2

16-24

Glimepiride[2,4,8 มก]

1-8

1

24

Repaglinide.5,1,2 1-8 3 4-6

 

ผลข้างเคียงและข้อควรระวังที่สำคัญ

  1. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia): เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยและสำคัญที่สุดของยากลุ่มนี้ผู้ป่วยต้องสังเกตอาการ เช่น ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออกมาก หิวจัด วิงเวียน สับสน และควรเรียนรู้วิธีแก้ไขเบื้องต้นเสมอ
  2. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (Weight Gain): เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เนื่องจากอินซูลินที่เพิ่มขึ้นอาจกระตุ้นความอยากอาหารและส่งเสริมการเก็บสะสมไขมัน
  3. ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Risk): ยารุ่นเก่าในกลุ่มนี้ (First Generation) เคยมีรายงานความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจอย่างไรก็ตาม ยารุ่นใหม่ เช่น Glimepiride มีข้อมูลยืนยันว่าปลอดภัยต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
  4. ผลข้างเคียงอื่นๆ: อาจพบอาการคลื่นไส้, ผื่นแพ้ตามผิวหนัง, หรือ (พบน้อยมาก) ภาวะเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดขาวต่ำได้

ข้อห้ามใช้ และการใช้ยาในผู้ป่วยกลุ่มพิเศษ

ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วย:

ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษใน:

คำแนะนำในการใช้ยา

สรุป ยากลุ่ม Sulfonylurea เป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงง่าย แต่ผู้ใช้จำเป็นต้องมีความเข้าใจในความเสี่ยงที่สำคัญ โดยเฉพาะภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น การเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคไต และการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การรักษามีความปลอดภัยและบรรลุเป้าหมายได้ดีที่สุด

การใช้ยารักษาเบาหวาน

เพิ่มเพื่อน

 

โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน | อาการโรคเบาหวานการวินิจฉัย | การคัดกรอง | ชนิดของเบาหวาน | หลักการรักษา | โรคแทรกซ้อน | เป้าหมายในการควบคุมเบาหวาน | การติดตามและการประเมิน | การป้องกันโรคเบาหวาน