siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

Empagliflozin + Linagliptin: คู่มือการใช้งานและประโยชน์สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2

บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับยา Empagliflozin + Linagliptin ซึ่งเป็นยารับประทานชนิดผสมที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยและบุคคลทั่วไปมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกลไกการทำงาน ประโยชน์ ข้อควรระวัง และผลข้างเคียงของยานี้ การมีความรู้ที่เพียงพอจะช่วยให้คุณสามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และร่วมตัดสินใจกับแพทย์ในการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม


Empagliflozin + Linagliptin คืออะไร?

Empagliflozin + Linagliptin (เอ็มพากลิโฟลซิน + ลินากลิปติน) เป็นยารับประทานชนิดผสม (Fixed-Dose Combination) ที่ใช้สำหรับรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ยานี้รวมเอาสารออกฤทธิ์สองชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่:

  1. Empagliflozin: เป็นยาในกลุ่ม SGLT2 Inhibitor (Sodium-Glucose Co-transporter 2 Inhibitor)

  2. Linagliptin: เป็นยาในกลุ่ม DPP-4 Inhibitor (Dipeptidyl Peptidase-4 Inhibitor)

ยาทั้งสองชนิดทำงานร่วมกันเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยาชนิดผสมนี้มีจำหน่ายภายใต้ชื่อการค้า เช่น Glyxambi และผลิตโดย Boehringer Ingelheim และ Eli Lilly ซึ่งเป็นบริษัทยาชั้นนำ


กลไกการออกฤทธิ์: Empagliflozin + Linagliptin ทำงานอย่างไร?

การรวมกันของยา Empagliflozin และ Linagliptin ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันที่ครอบคลุมในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดผ่านกลไกที่แตกต่างกัน:

การทำงานร่วมกันของยา Empagliflozin และ Linagliptin จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้อย่างครอบคลุม ทั้งในขณะอดอาหารและหลังมื้ออาหาร โดยเสริมฤทธิ์กันเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


glyxambi

ข้อบ่งชี้: ยานี้ใช้รักษาโรคอะไร?

Empagliflozin + Linagliptin ใช้รักษาโรคและภาวะต่างๆ ดังนี้:


ตัวอย่างยาและขนาดยาที่ใช้

รูปแบบยา: ยาเม็ดสำหรับรับประทาน โดยมีหลายขนาดให้เลือก ซึ่งแสดงปริมาณ Empagliflozin และ Linagliptin ตามลำดับ:

ขนาดยาที่ใช้:

หมายเหตุ: ขนาดยาควรได้รับการปรับโดยแพทย์ผู้รักษาตามการตอบสนองของร่างกาย ระดับน้ำตาลในเลือด และการทำงานของไตของผู้ป่วยแต่ละราย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด


ข้อแนะนำในการรับประทานยา

การปฏิบัติตามคำแนะนำในการรับประทานยาอย่างถูกต้องจะช่วยให้ยาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง:


ข้อห้ามในการใช้ยา

Empagliflozin + Linagliptin มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยบางกลุ่มดังนี้:


ข้อควรระวังในการใช้ยา

ควรใช้ Empagliflozin + Linagliptin ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยบางราย:


ระหว่างที่ใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร?

อาการที่ต้องเฝ้าระวัง:

การตรวจพิเศษ:


มีโรคหรือยาอื่นๆ ที่มีผลต่อการใช้ยาหรือไม่?

สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ


ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:

ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:

หากพบอาการรุนแรง หรืออาการที่น่ากังวล ควรรีบหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที


วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียงของยา


หากได้รับยาเกินขนาดต้องทำอย่างไร?

ในกรณีที่รับประทานยาเกินขนาด อาจเกิดอาการง่วงซึม, คลื่นไส้รุนแรง, หรือหายใจลำบาก วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที อาจต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด เช่น การให้ของเหลวทางหลอดเลือดดำ เพื่อรักษาสมดุลของเหลวและเกลือแร่ในร่างกาย


หากลืมใช้ยาต้องทำอย่างไร?


การเก็บรักษายา


สรุป: ทำไมต้องเลือกยานี้และประโยชน์ของยาผสม

Empagliflozin + Linagliptin (Glyxambi) เป็นยาผสมที่ผสานกลไกการทำงานสองแบบ (SGLT2 Inhibitor และ DPP-4 Inhibitor) เพื่อควบคุมเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม ทั้งลดระดับน้ำตาลในขณะอดอาหารและหลังมื้ออาหาร ยานี้มีประโยชน์หลายประการ:

อย่างไรก็ตาม ยาผสมนี้ก็มี ข้อควรระวังและผลข้างเคียง ที่ต้องทราบ เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรืออวัยวะเพศ (จาก Empagliflozin), ความเสี่ยงคีโตอะซิโดซิส (ต่ำแต่รุนแรง), อาการทางเดินอาหาร (จาก Linagliptin), ตับอักเสบ (พบน้อย), และภาวะขาดน้ำ

ยานี้ควรพิจารณาใช้ในกรณีต่อไปนี้:

การตัดสินใจใช้ยานี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา โดยแพทย์จะพิจารณาจากสภาพร่างกาย, การทำงานของไต (eGFR), โรคประจำตัวอื่นๆ, และเป้าหมายการรักษา หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์เฉพาะของคุณ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและคำแนะนำที่แม่นยำที่สุดครับ!


วันที่เรียบเรียง: 26 กรกฎาคม 2568 ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว