siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

ยา Empagliflozin (Jardiance): ประโยชน์ต่อเบาหวาน หัวใจ และไต ที่คุณต้องรู้

บทนำ Empagliflozin (เอ็มพากลิโฟลซิน) ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อการค้าว่า

Jardiance เป็นยาในกลุ่ม SGLT2 Inhibitors ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเป็น ยาปกป้องหัวใจและไต ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ได้รับการยอมรับในแนวทางการรักษาทั่วโลก

บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจยา Empagliflozin อย่างถ่องแท้ ตั้งแต่กลไกการออกฤทธิ์ ประโยชน์ที่เหนือกว่าการลดน้ำตาล ไปจนถึงข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่ต้องทราบ เพื่อการใช้ยาอย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุด

 

กลไกการออกฤทธิ์: Empagliflozin ทำงานอย่างไร?

Empagliflozin ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งโปรตีนที่ชื่อว่า SGLT2 (Sodium-Glucose Cotransporter-2) ที่ท่อไตการยับยั้งนี้จะส่งผลให้:

ผลลัพธ์คือระดับน้ำตาลในเลือดและระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) ลดลงประมาณ 0.5-1% โดยมีความเสี่ยงต่ำที่จะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเมื่อใช้เป็นยาเดี่ยว

Empagliflozin

 

ข้อบ่งชี้: ประโยชน์ที่สำคัญของ Empagliflozin

จากคุณสมบัติที่โดดเด่น ทำให้ Empagliflozin ถูกแนะนำให้ใช้ในกรณีต่อไปนี้

โดยไม่ขึ้นกับระดับน้ำตาลในเลือดเริ่มต้น (irrespective of A1C)

  1. รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2: ใช้เมื่อการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายยังไม่เพียงพอ สามารถใช้เป็นยาเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับยาเบาหวานชนิดอื่นได้

  2. เพื่อปกป้องหัวใจ (Cardioprotection):

    • ลดความเสี่ยงในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด: สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีความเสี่ยงสูงหรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่แล้ว ยานี้จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้อย่างมีนัยสำคัญ
    • รักษาภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure): เป็นยามาตรฐานที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว (ทั้งชนิดที่การบีบตัวของหัวใจปกติและผิดปกติ) เพื่อลดความเสี่ยงการเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิต
  3. เพื่อปกป้องไต (Renoprotection):

    • ชะลอการเสื่อมของไต: ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคไตเรื้อรัง (CKD) ยานี้จะช่วยชะลอการดำเนินของโรค ลดการเกิดไตวายระยะสุดท้าย และลดความจำเป็นในการฟอกไต

 

ขนาดและวิธีการใช้ยา

ผลข้างเคียงและข้อควรระวังที่สำคัญ

1. การติดเชื้อราที่อวัยวะเพศ (Genital Mycotic Infections):

2. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infections):

3. ภาวะกรดคีโตซิสในเลือด (Diabetic Ketoacidosis - DKA):

4. ภาวะขาดน้ำ (Volume Depletion):

ข้อห้ามใช้

ผลดีของยา

 

สรุป: Empagliflozin เป็นยาที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ในปัจจุบัน ด้วยประโยชน์ที่โดดเด่นในการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและไต ควบคู่กับการควบคุมระดับน้ำตาล การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังและจัดการผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการติดเชื้อและการเกิดภาวะกรดคีโตซิสในเลือด

 

11111

Empagliflozin: คู่มือการรักษาเบาหวานประเภท 2 อย่างครบถ้วน

เผยแพร่เมื่อ: 5 กรกฎาคม 2568, 17:02 น.
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

1. ยานั้นคืออะไร

Empagliflozin เป็นยารับประทานในกลุ่ม SGLT2 Inhibitors ใช้รักษาเบาหวานประเภท 2 โดยช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดผ่านการขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ผลิตโดย Boehringer Ingelheim และ Eli Lilly (ยี่ห้อ Jardiance)

2. กลไกการออกฤทธิ์

Empagliflozin ยับยั้งโปรตีน SGLT2 ในไต ลดการดูดซึมกลูโคสกลับเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ขับกลูโคสออกทางปัสสาวะ ลด HbA1c 0.6-1.0% และช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและไต

3. ยานี้ใช้รักษาโรคอะไร

4. ตัวอย่างยาและขนาดยาที่ใช้

5. ข้อแนะนำในการรับประทานยา

6. ข้อห้ามในการใช้ยา

7. ข้อระวังในการใช้ยา

8. ระหว่างที่ใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร

9. มีโรคหรือยาอื่นๆ ที่มีผลต่อการใช้ยามีอะไรบ้าง

10. ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา

11. วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียงของยา

12. หากได้รับยาเกินขนาดต้องทำอย่างไร

13. หากลืมใช้ยาต้องทำอย่างไร

14. การเก็บยา

15. สรุป

Empagliflozin เป็น SGLT2 Inhibitor ที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคหัวใจในเบาหวานประเภท 2 การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อป้องกันผลข้างเคียง เช่น คีโตอะซิโดซิส

16.

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว