Empagliflozin + Metformin: การรักษาเบาหวานประเภท 2 ที่ครอบคลุม
เผยแพร่เมื่อ: 5 กรกฎาคม 2568, 18:05 น.
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
1. ยานี้คืออะไร
Empagliflozin + Metformin เป็นยารับประทานชนิดผสม (fixed-dose combination) ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 ประกอบด้วย Empagliflozin (ยับยั้ง SGLT2) และ Metformin (Biguanide) ภายใต้ชื่อการค้าเช่น Synjardy และ Synjardy XR ผลิตโดย Boehringer Ingelheim และ Eli Lilly ช่วยลดน้ำตาลและปกป้องหัวใจและไต
2. กลไกการออกฤทธิ์
Empagliflozin ทำงานโดยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลกลับในไต ส่งผลให้น้ำตาลส่วนเกินขับออกทางปัสสาวะ ลด HbA1c 0.6-1.0% Metformin ลดการผลิตกลูโคสในตับและเพิ่มการใช้กลูโคสของเซลล์ กลไกที่แตกต่างกันนี้ช่วยควบคุมน้ำตาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ยานี้ใช้รักษาโรคอะไร
-
ควบคุมน้ำตาลในเบาหวานประเภท 2 ร่วมกับอาหารและการออกกำลังกาย
-
ลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจในผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคหัวใจ
-
ลดความเสี่ยงการล้มเหลวของไตและการรักษาทดแทนไตในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
4. ตัวอย่างยาและขนาดยาที่ใช้
-
รูปแบบยา: เม็ดรับประทาน (Empagliflozin5 มก. + 500/1000 มก. Metformin, 12.5 มก. + 500/1000 มก.) และแบบ Extended-Release (5-25 มก. + 1000 มก.)
-
ขนาดยาเริ่มต้น: 5 มก./500 มก. วันละครั้งหรือแบ่ง 2 ครั้ง กับอาหาร
-
ปรับขนาด: เพิ่มตามความจำเป็น สูงสุด 25 มก./2000 มก. ต่อวัน ขึ้นกับการตอบสนองและการทำงานของไต
5. ข้อแนะนำในการรับประทานยา
-
รับประทานกับอาหารเพื่อลดผลข้างเคียงทางเดินอาหาร
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันขาดน้ำ
-
ตรวจระดับน้ำตาลเป็นประจำและพบแพทย์ทุก 3 เดือน
6. ข้อห้ามในการใช้ยา
7.ทำไมต้องเลือกยาผสม Empagliflozin + Metformin
ยาผสมนี้ (เช่น Synjardy) ถูกเลือกใช้ด้วยเหตุผลต่อไปนี้:
- ควบคุมน้ำตาลอย่างครอบคลุม: Empagliflozin ลดน้ำตาลโดยการขับออกทางปัสสาวะ ส่วน Metformin ลดการผลิตกลูโคสในตับ ช่วยควบคุมน้ำตาลทั้งขณะอดอาหารและหลังมื้ออาหาร
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน: Empagliflozin ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและไต (ตามการศึกษา EMPA-REG OUTCOME) ขณะที่ Metformin เป็นแนวทางแรกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเดี่ยว: การผสมยาช่วยลดปริมาณยาเดี่ยวที่อาจต้องใช้ในขนาดสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้จาก Metformin
- ความสะดวกในการรักษา: เม็ดยาเดี่ยวลดภาระการรับประทานหลายเม็ด เพิ่มการยึดติดกับการรักษา
- เหมาะสำหรับผู้ป่วยหลากหลาย: เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการควบคุมน้ำตาลและป้องกันโรคหัวใจหรือไต โดยเฉพาะเมื่อการใช้ Metformin เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
การตัดสินใจเลือกยานี้ควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ โดยพิจารณาจากระดับ HbA1c, การทำงานของไต, และความเสี่ยงโรคหัวใจของผู้ป่วย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมครับ!
8.ข้อดีของ Empagliflozin + Metformin
- ควบคุมน้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพ: ผสานการทำงานของ Empagliflozin (ขับน้ำตาลทางปัสสาวะ) และ Metformin (ลดการผลิตกลูโคสในตับ) ลด HbA1c 0.8-1.5%
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและไต: Empagliflozin ลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและชะลอการลุกลามของโรคไตตามการศึกษา EMPA-REG OUTCOME
- ลดน้ำหนัก: Empagliflozin ช่วยลดน้ำหนัก 2-3% ผ่านการสูญเสียแคลอรี่ทางปัสสาวะ
- ลดความดันโลหิต: ลด Systolic BP 3-5 มม.ปรอท โดยไม่เพิ่มโซเดียม
- ความสะดวก: เม็ดยาเดี่ยวลดภาระการรับประทานหลายเม็ด
9.ข้อเสียของ Empagliflozin + Metformin
- ผลข้างเคียงทางเดินอาหาร: Metformin อาจทำให้คลื่นไส้, ท้องเสีย, หรือปวดท้อง โดยเฉพาะในช่วงเริ่มใช้
- ความเสี่ยงติดเชื้อ: Empagliflozin เพิ่มโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรืออวัยวะเพศ
- คีโตอะซิโดซิส: เสี่ยงต่ำแต่รุนแรง อาจเกิดในภาวะเครียด เช่น ติดเชื้อ
- Lactic acidosis: Metformin มีความเสี่ยงหายากแต่ร้ายแรง (อ่อนเพลีย, หายใจลำบาก) โดยเฉพาะในผู้ป่วยไตวาย
- จำกัดการใช้ในไตวาย: ห้ามใช้เมื่อ eGFR <30 mL/min หรือในผู้ป่วยล้างไต
การใช้ยานี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ตามสภาพร่างกายของผู้ป่วย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมครับ!
10. ข้อระวังในการใช้ยา
-
ระวังภาวะขาดน้ำหรือติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
-
หลีกเลี่ยงในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงคีโตอะซิโดซิส
-
แจ้งแพทย์หากใช้ยาขับปัสสาวะหรือป่วยหนัก
11. ระหว่างใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร
-
อาการที่ต้องระวัง: คลื่นไส้, อ่อนเพลีย, หายใจลำบาก (ลactic acidosis), ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
-
การตรวจพิเศษ: HbA1c, การทำงานของไต (eGFR), ระดับคีโตน
12. มีโรคหรือยาอื่นๆ ที่มีผลต่อการใช้ยามีอะไรบ้าง
-
โรค: โรคตับหรือไตรุนแรงเพิ่มความเสี่ยง
-
ยาที่มีผล: ยาขับปัสสาวะ, สเตียรอยด์, NSAIDs อาจเพิ่มความเสี่ยงขาดน้ำ
13. ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา
-
พบบ่อย: คลื่นไส้, ท้องเสีย, ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรืออวัยวะเพศ
-
รุนแรง: Lactic acidosis (ปวดกล้ามเนื้อ, หายใจลำบาก), คีโตอะซิโดซิส หยุดยาและพบแพทย์ทันที
14. วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียงของยา
15. หากได้รับยาเกินขนาดต้องทำอย่างไร
-
อาการ: อ่อนเพลียรุนแรง, หายใจลำบาก, ชัก
-
วิธีแก้ไข: รีบพบแพทย์ทันที อาจต้องให้ของเหลวทางหลอดเลือด
16. หากลืมใช้ยาต้องทำอย่างไร
17. การเก็บยา
18.ทำไมต้องเลือกยาผสม Empagliflozin + Metformin
ยาผสมนี้ (เช่น Synjardy) ถูกเลือกใช้ด้วยเหตุผลต่อไปนี้:
- ควบคุมน้ำตาลอย่างครอบคลุม: Empagliflozin ลดน้ำตาลโดยการขับออกทางปัสสาวะ ส่วน Metformin ลดการผลิตกลูโคสในตับ ช่วยควบคุมน้ำตาลทั้งขณะอดอาหารและหลังมื้ออาหาร
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน: Empagliflozin ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและไต (ตามการศึกษา EMPA-REG OUTCOME) ขณะที่ Metformin เป็นแนวทางแรกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเดี่ยว: การผสมยาช่วยลดปริมาณยาเดี่ยวที่อาจต้องใช้ในขนาดสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้จาก Metformin
- ความสะดวกในการรักษา: เม็ดยาเดี่ยวลดภาระการรับประทานหลายเม็ด เพิ่มการยึดติดกับการรักษา
- เหมาะสำหรับผู้ป่วยหลากหลาย: เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการควบคุมน้ำตาลและป้องกันโรคหัวใจหรือไต โดยเฉพาะเมื่อการใช้ Metformin เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
การตัดสินใจเลือกยานี้ควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ โดยพิจารณาจากระดับ HbA1c, การทำงานของไต, และความเสี่ยงโรคหัวใจของผู้ป่วย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมครับ!
19.ข้อดีของ Empagliflozin + Metformin
- ควบคุมน้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพ: ผสานการทำงานของ Empagliflozin (ขับน้ำตาลทางปัสสาวะ) และ Metformin (ลดการผลิตกลูโคสในตับ) ลด HbA1c 0.8-1.5%
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและไต: Empagliflozin ลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและชะลอการลุกลามของโรคไตตามการศึกษา EMPA-REG OUTCOME
- ลดน้ำหนัก: Empagliflozin ช่วยลดน้ำหนัก 2-3% ผ่านการสูญเสียแคลอรี่ทางปัสสาวะ
- ลดความดันโลหิต: ลด Systolic BP 3-5 มม.ปรอท โดยไม่เพิ่มโซเดียม
- ความสะดวก: เม็ดยาเดี่ยวลดภาระการรับประทานหลายเม็ด
20.ข้อเสียของ Empagliflozin + Metformin
- ผลข้างเคียงทางเดินอาหาร: Metformin อาจทำให้คลื่นไส้, ท้องเสีย, หรือปวดท้อง โดยเฉพาะในช่วงเริ่มใช้
- ความเสี่ยงติดเชื้อ: Empagliflozin เพิ่มโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรืออวัยวะเพศ
- คีโตอะซิโดซิส: เสี่ยงต่ำแต่รุนแรง อาจเกิดในภาวะเครียด เช่น ติดเชื้อ
- Lactic acidosis: Metformin มีความเสี่ยงหายากแต่ร้ายแรง (อ่อนเพลีย, หายใจลำบาก) โดยเฉพาะในผู้ป่วยไตวาย
- จำกัดการใช้ในไตวาย: ห้ามใช้เมื่อ eGFR <30 mL/min หรือในผู้ป่วยล้างไต
การใช้ยานี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ตามสภาพร่างกายของผู้ป่วย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมครับ!
21. สรุป
Empagliflozin + Metformin (เช่น Synjardy) เป็นยาผสมที่ผสานกลไกการลดน้ำตาลจากไตและตับ ช่วยควบคุมเบาหวานประเภท 2 ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและไต และเพิ่มความสะดวกในการรักษา ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว