siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

Repaglinide: คู่มือการใช้ยาอย่างปลอดภัยและข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2

เผยแพร่เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2568, 19:00 น. โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มุ่งเน้นไปที่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว หลักการสำคัญของการรักษาคือการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่การรักษาด้วยยาจะไม่ได้ผลเต็มที่หากไม่มีสองสิ่งนี้ ปัจจุบันยา Repaglinide เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2


1. Repaglinide คืออะไร?

Repaglinide (รีแพกลิไนด์) เป็นยารับประทานในกลุ่ม Meglitinides ซึ่งใช้สำหรับรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ยานี้มีลักษณะเด่นคือออกฤทธิ์เร็วและมีระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น จึงเหมาะสำหรับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นหลังมื้ออาหารโดยเฉพาะ


2. กลไกการออกฤทธิ์: Repaglinide ทำงานอย่างไร?

Repaglinide ทำงานโดยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากเซลล์เบต้าในตับอ่อน คล้ายกับยาในกลุ่ม Sulfonylureas แต่มีกลไกการจับกับโปรตีนในเซลล์ที่แตกต่างออกไป ยาจะกระตุ้นช่องไอออนโพแทสเซียมในเซลล์เบต้า ทำให้เซลล์หลั่งอินซูลินออกมาอย่างรวดเร็วภายใน 15-30 นาทีหลังรับประทาน และมีระยะเวลาออกฤทธิ์สั้นประมาณ 3-6 ชั่วโมง คุณสมบัตินี้ช่วยให้ยาควบคุมระดับน้ำตาลที่พุ่งสูงขึ้นหลังอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างมื้ออาหารหรือในช่วงเวลาอดอาหารเมื่อเทียบกับยาที่มีฤทธิ์นานกว่า


3. ยานี้ใช้รักษาโรคอะไร?

Repaglinide ใช้สำหรับ:


repaglinide

4. รูปแบบยาและขนาดยาที่แนะนำ

รูปแบบยา: ยาเม็ดสำหรับรับประทาน โดยมีหลายขนาด ได้แก่ 0.5 มิลลิกรัม (mg), 1 มิลลิกรัม (mg), 2 มิลลิกรัม (mg), และ 4 มิลลิกรัม (mg)

ขนาดยาที่ใช้: ควรรับประทานยา ก่อนมื้ออาหารหลักแต่ละมื้อ (ประมาณ 15-30 นาที) เพื่อให้ยาออกฤทธิ์พร้อมกับการดูดซึมน้ำตาลจากอาหาร

หมายเหตุ: ขนาดยาที่เหมาะสมจะต้องได้รับการปรับโดยแพทย์ผู้รักษาตามระดับน้ำตาลในเลือดและการตอบสนองของผู้ป่วยแต่ละราย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด


5. ข้อแนะนำในการรับประทานยา

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและความปลอดภัยในการใช้ Repaglinide:


6. ข้อห้ามในการใช้ยา

Repaglinide มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยบางกลุ่มดังนี้:


7. ข้อควรระวังในการใช้ยา

ควรใช้ Repaglinide ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยบางราย:


8. ระหว่างที่ใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร?

อาการที่ต้องเฝ้าระวัง:

การตรวจพิเศษ:


9. มีโรคหรือยาอื่นๆ ที่มีผลต่อการใช้ยา Repaglinide หรือไม่?

สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ


10. ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:

ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:


11. วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียงของยา


12. หากได้รับยาเกินขนาดต้องทำอย่างไร?

ในกรณีที่รับประทานยา Repaglinide เกินขนาด อาการที่พบได้คือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรง เช่น ง่วงซึมมาก, สับสน, ชัก หรืออาเจียน วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือพบแพทย์ทันที อาจต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์ฉุกเฉิน เช่น การให้กลูโคสทางหลอดเลือดดำ เพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด


13. หากลืมใช้ยาต้องทำอย่างไร?


14. การเก็บรักษายา


15. สรุป

Repaglinide เป็นยาในกลุ่ม Meglitinides ที่มีกลไกการออกฤทธิ์เร็วและสั้น ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 การใช้ยา Repaglinide ควรอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการควบคุมระดับน้ำตาล พร้อมทั้งป้องกันและจัดการกับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม

โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ


วันที่เรียบเรียง: 26 กรกฎาคม 2568 ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

 

โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน | อาการโรคเบาหวานการวินิจฉัย | การคัดกรอง | ชนิดของเบาหวาน | หลักการรักษา | โรคแทรกซ้อน | เป้าหมายในการควบคุมเบาหวาน | การติดตามและการประเมิน | การป้องกันโรคเบาหวาน