siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

คู่มือฉบับสมบูรณ์: การตรวจเท้าด้วยตนเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

เบาหวานทุกท่านโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมาหลายปี ควรจะต้องตรวจเท้าด้วตัวเองอย่างละเอียด เพื่อที่จะค้นหาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดแผล การตรวจอย่างละเอียดทำได้ดังต่อไปนี้

1. การซักประวัติโรคเบาหวานและการตรวจเท้า

ควรซักประวัติที่เกี่ยวข้องและปัจจัยเสี่ยงต่อการถูกตัดขา ได้แก่

ประวัติปลายประสาทอักเสบ

ประวัติเลือดไปเลี้ยงเท้าไม่พอ

โรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน

2.การตรวจเท้า ประกอบด้วย

2.1 การตรวจระบบประสาท ( neurological evaluation )

: เพื่อค้นหาภาวะปลายประสาทเสื่อม ( peripheral neuropathy ) ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ได้ประเมินตั้งแต่เริ่มต้น แต่มักจะตรวจในที่มีอาการปวด ชา หรือมีแผลเกิดขึ้นนแล้ว ได้แก่

การตรวจระบบประสาท

2.2การตรวจระบบหลอดเลือดส่วนปลาย ( vascular screening )

เป็นการตรวจหาลักษณะการขาดเลือดเรื้อรัง เช่น ลักษณะผิวมันเป็นเงา (shiny skin) ไม่มีขนบริเวณหน้าแข็งนิ้วหัวแม่เท้า เท้าเย็น การดู capillary refill time ( ปกติควรน้อยยกว่า 5 วินาที) และการประเมินสภาพการไหลเวียนของหลอดเลือดบริเวณเท้าโดย การคลำชีพจรของหลอดเลือดเบาหรือคลำไม่ได้ อ่านหลอดเลือดขาตีบ

2.3 การตรวจระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ

เป็นการตรวจที่จะทำให้เกิดแรงกดทับที่ผิดปกติเช่นเท้าผิดรูป กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อลีบฝ่าเท้า ใหปุ้่มกระดูกชัด โครงสร้างเท้าผิดรูปจากปลายประสาทอักเสบ ทำให้กระดูกฝ่าเท้ายื่นผิดปกติ (collapsed arch) หรือ การทรงตัวผิดปกติ มีข้อจำกัดการเคลื่อนของข้อต่อบริเวณเท้า การตรวจลักษณะผิดรูป

2.4การตรวจระบบผิวหนังและเล็บ

เป็นการตรวจหาลักษณะผิวแห้ง แตก แผลถลอก ซึ่งอาจเป็นทางเข้า ของเชื้อโรคบริเวณที่ร้อน แดง หรือแข็งด้านผิดปกติบ่งบอกว่า มีแรงกดมาก เสี่ยงต่อการเกิดแผล หรือเล็บยาวเกินไปทำให้เกิดบาดแผลต่อบริเวณข้างเคียง บางรายอาจมีเล็บขบ หรือเชื้อราบริเวณง่ามนิ้วเท้า ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อลุกลาม

สีผิวสีผิวที่เท้าจะมีสีผิวเหมือนกับสีผิวที่อื่น สีผิวที่ผิดปกติสำหรับโรคเบาหวานได้แก่

หากบริเวณดังกล่าวดำเข้มและผิวแห้งจะหมายถึงเนื้อเยื่อดังกล่าวตายไปแล้ว

ผิวจะมีสีคล้ำเป็นด่างและมัน

ผิวสีดำหมายถึงส่วนดังกล่าวมีเนื้อตาย จากการขาดเลือด

ผิวหนังอักเสบ ผิวสีแดงและบวมหมายถึงมีการอักเสบ

เล็บขบและมีการอักเสบ

เชื้อราที่เล็บ

ฮ่องกงฟุต

2.อุณหภูมิ

โดยปกติอุณหภูมิผิวหนังของเท้าทั้งสองข้างควรจะเท่ากัน วิธีการตรวจเองโดยการใช้มือสัมผัสส่วนที่ต้องการตรวจ เมื่อเทียบกับอีกข้างหนึ่งหรือส่วนอื่นของร่างกาย ความผิดปกติที่พบได้แก่

  1. ตรวจขน

ปกติจะพบขนบริเวณหน้าแข้ง และบริเวณนิ้วหัวแม่เท้า หากขนดังกล่าวหลุดร่วงหมายถึงว่า อาจจะมีปัญหาเรื่องเลือดไปเลี้ยงบริเวณดังกล่าวไม่พอ

  1. การติดเชื้อและเชื้อรา

บริเวณที่พบมีเชื้อราได้บ่อยได้แก่บริเวณซอกนิ้วที่เรียกว่าฮ่องกงฟุต หากไม่รักษาจะทำให้เกิดการติดเชื้อแบตทีเรีย นอกจากนั้นต้องดูผิวหนังทั่วไปว่าสีแดงซึ่งอาจจะมีการอักเสบที่เรียกว่า cellulitis

การตรวจทั่วทั้งเท้า(หลังเท้า ฝ่าเท้า ส้นเท้า และซอกนิ้ว)

เป็นการตรวจเท้าให้ครอบคลุมทั้งเท้าเพื่อดูสีผิว แผล เท้าผิดรูป การติดเชื้อ ตาปลาว่ามีหรือไม่

  1. การตรวจเล็บ

การตรวจดูเล็บเพื่อหาความผิดปกติเกี่ยวกับเล็บ เช่น เล็บขบ เชื้อราที่เล็บ เล็บงุ้มหรือไม่ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เล็บงอกแทงเนื้อ

  1. ตรวจความผิกปกติของเท้า
การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยที่เท้าอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาใหญ่ที่กำลังจะตามมา โดยเฉพาะเมื่อเกิดร่วมกับ "ภาวะปลายประสาทเสื่อม" ซึ่งทำให้การรับความรู้สึกเจ็บปวดลดลง จนเกิดแผลลุกลามได้โดยไม่รู้ตัว ความผิดปกติของเท้า

 

2.5 การประเมินรองเท้าที่เหมาะสม

เป็นการตรวจดูว่า ขนาดและรูปแบบเหมาะสมหรือไม่ มีบริเวณที่รับน้ำหนักผิดปกติหรือไม่ การประเมินความพอดีของรองเท้า

การตรวจวัดความรู้สึกซึ่งจะต้องตรวจโดยแพทย์ หรือหากมีอาการเท้าชาแสดงว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องระบบประสาท ที่มาเลี้ยงที่เท้า อ่านที่นี่

การตรวจการไหลเวียน อ่านที่นี่