เล็บขบ

 

เล็บขบหมายถึงภาวะที่มีปลายเล็บทิ่มเข้าบริเวณผิวหนังที่ปลายเล็บ เล็บขบจะเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อข้างเล็บทำให้เกิดอาการเจ็บปวด เล็บขบมักจะเกิดที่ด้านนอกของนิ้วเท้า หรือที่เรียกว่า onychocryptosis และหากไม่รักษาเล็บขบจะเกิดการงอกของเนื้อเยื่อขึ้นมา มีหนองไหล

สาเหตุของเล็บขบ

สาเหตุของเล็บขบส่วนใหญ่เกิดจากการที่ตัดเล็บไม่ถูกต้อง และหรือการสวมรองเท้าที่คับเกินไป ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดเล็บขบได้แก่่

  • การสวมรองเท้าไม่เหมาะสม ได้แก่รองเท้าส้นสูงเกินไป ปลายเท้าแหลมไป รองเท้าคับไป ทำให้เท้าถูกบีบและเล็บไปสามารถงอกได้ตามปกติ
  • การตัดเล็บที่ไม่ถูกต้องโดยตัดมุมเล็บชิดเนื้อทำให้เล็บที่งอกทิ่มแทงเข้าที่ซอกเล็บ
  • การได้รับอุบัติเหตุที่เล็บมีการฉีกขาดทำให้เล็บที่งอกใหม่แทงเข้าซอกเล็บ เช่นการเล่นฟุตบอลล์
  • การติดเชื้อราที่เล็บ
  • การได้รับยาบางชนิดเช่น วิตามินเอที่ใช้รักษาสิว



อาการและอาการแสดงของเล็บขบ

อาการแสดงของเล็บขบแบ่งออกเป็นสามระยะได้แก่

  1. ระยะที่ 1 จะมีอาการและอาการแสดงดังนี้

    เล็บขบระยะที่1

    ระยะที่1

  • บริเวณซอกเล็บจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย
  • คลำดูจะอุ่นเล็กน้อยและกดเจ็บ
  • ไม่มีหนอง

การดูแลเล็บขบในระยะนี้

  • แช่น้ำอุ่นวันละสี่ครั้ง
  • ล้างเท้าและบริเวณเล็บด้วยสบู่วันละสองครั้งแล้วเช็ดให้แห้ง
  • ใช้conton bud ที่สะอาดแทรกระหว่างเนื้อซอกเล็บและเล็บและสอดผ้า gauze แทรกระว่างเล็บและเนื้อเยื่อ อาจจะเจ็บเล็กน้อย
  1. ระยะที่ 2
    เล็บขบระยะที่2

    ระยะที่2

  • นิ้วหัวแม่เท้าจะบวมมากขึ้น แดงมาก และเจ็บมากขึ้น
  • อาจจะมีหนองไหลตรงเล็บขบ
  • จะมีการติดเชื้อที่ซอกเล็บ

การดูแลเล็บขบในระยะที่ 2

  • ทำเหมือนระยะที่1
  • จะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ
  • หากไม่ดีขึ้นจะต้องตัดเอาเล็บออก
  1. ระยะที่ 3
    เล็บขบระยะที่3

    ระยะที่3

  • จะปวดมากขึ้น แดงมากขึ้น และบวมมากขึ้น
  • มีเนื้อเยื่องอกที่ติดเชื้อ และมีหนองไหล
  • เล็บบริเวณดังกล่าวจะหนาตัวขึ้นมา
  • จะมีการติดเชื้อที่รุนแรงมากขึ้น อาจจะมีไข้

การดูแลเล็บขบในระยะนี้

  • ระยะนี้จะต้องผ่าตัดเอาเล็บและเนื้อเยื่อทีงอกออกไป
  • ทำความสะอาดเอาหนองออกให้มากที่สุด
  • ทายาปฏิชีวนะ และรับประทานยาปฏิชีวนะ

การดูแลแผลหลังผ่าตัด

  • หลังผ่าตัดหนึ่งวันให้เอาผ้าพันแผลออก และทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสบู่
  • เช็ดแผลให้แห้ง และทายาปฏิชีวนะ ใหทำความสะอาดแผลวันละสองครั้งเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
  • รักษานิ้วเท้าให้สะอาดและแห้ง อย่าไหว้น้ำหรือทำให้แผลเปียกเป็นเวลาสองสัปดาห์
  • งดการกระโดด วิ่งหรือการออกกำลังที่มากเกินไปเป็นเวลาสองสัปดาห์

การดูแลด้วยตัวเองที่บ้าน

  • แช่เท้าที่เป็นเล็บขบด้วยน้ำอุ่นวันละสี่ครั้ง
  • ล้างบริเวณแผลด้วยน้ำสบู่และน้ำวันละสองครั้ง
  • รักษาเท้าให้แห้งและสะอาด
  • งดสวมรองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าที่คับเกินไป
  • หลังจากทำความสะอาดเท้า ให้เอา conton bud เล็กๆสอดเข้าไปเพื่อยกเล็บใส่ไว้15 วันเล็บก็จะงอกออกมาไม่แทงผิวหนัง

เมื่อไรจึงจะพบแพทย์

ท่านควรจะพบแพทย์เมื่อเล็บขบมีการติดเชื้อ มีหนองไหล หรือมีภาวะดังต่อไปนี้

  • ภายในห้าปีท่านยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นป้องกันบาดทะยัก
  • รักษาด้วยตัวเองแล้วเป็นเวลาสามวันอาการยังไม่ดีขึ้น
  • หากท่านเป็นโรคเบาหวาน เส้นเลือดไปเลี้ยงที่เท้าตีบ เอดส์

การป้องกันเล็บขบ

  • ใส่รองเท้าที่พอดีและส้นไม่สูงไป
  • ตัดเล็บให้ถูกต้องโดยตัดเล็บให้เป็นแนวตรงและไม่ตัดติดเนื้อและไม่ตัดมุมเล็บ
  • รักษาเท้าให้สะอาดและแห้ง

กลับหน้าผิวหนัง | ผิวหนังอักเสบ | ฝีที่ผิวหนัง | ผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรีย