หน้าหลัก | สุขภาพดี
| สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
การป้องกัน: 10 บัญญัติในการดูแลเท้าด้วยตนเอง
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ดังนี้:
- ตรวจดูเท้าทุกวัน: ใช้กระจกส่องดูฝ่าเท้าและซอกนิ้วเท้าทุกวัน เพื่อหารอยแดง, ตุ่มน้ำ, แผล, หรือรอยแตก
- ล้างเท้าด้วยน้ำธรรมดาวันละ2 ครั้งและซับให้แห้งโดยเฉพาะซอกนิ้ว
- ไม่ควรใช้แปรงหรือขนแข็งขัดเท้า ใช้แป้งโรย
- ควรตรวจเท้าและบริเวณซอกนิ้วเท้าอย่างละเอียดทุกวัน เพื่อค้นหาความผิดปกติเช่น หนังด้านแข็ง ตุ่มพุพอง ตาปลา รอยแตก หรือการติดเช้ือราหรือไม่
- ตรวจผิวหนังที่เท้า ดูว่ามีแผล การอักเสบ รอยแดง หากแผลไม่หายในสองวันควรปรึกษาแพทย์
- มีหนังหนาหรือตาปลาหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าใส่รองเท้าไม่เหมาะสม
- สำหรับผู้สูงอายุหรือสายตาไม่ดีควรจะให้คนอื่นช่วยดู สภาพผิวว่าแห้งไปหรือไม่ มีรอยแตกย่นหรือไม่ เล็บหนาหรือมีเชื้อราหรือไม่ มีแผลอักเสบซอกเล็บหรือไม่ ผิวซอกนิ้วมีอับชื้นหรือไม่ อาจจะใช้กระจกส่อง หรือให้ญาติช่วยดู ถ้าผิวมีเหงื่อออกให้โรยแป้ง
- ดูว่ามีกระดูกงอกผิดปกติหรือไม่ ข้อมีรูปร่างผิดปกติหรือไม่ สภาพการเดินการแกว่งเท้าผิดปกติหรือไม่
-
รักษาความสะอาด: ล้างเท้าด้วยสบู่อ่อนๆ และน้ำอุ่นทุกวัน (ห้ามใช้น้ำร้อน) จากนั้นเช็ดเท้าให้แห้งสนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณซอกนิ้วเท้า
-
ทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้น: ทาครีมหรือโลชั่นบางๆ บริเวณผิวเท้าที่แห้งเพื่อป้องกันผิวแตก แต่ ห้ามทาบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจทำให้เกิดการอับชื้นและเชื้อราได้
-
ตัดเล็บอย่างถูกวิธี: ควรตัดเล็บในแนวตรง ไม่ตัดสั้นจนเกินไปหรือแซะขอบเล็บ เพราะอาจทำให้เกิดแผลได้ หากเล็บหนาหรือตัดยาก ควรปรึกษาแพทย์
-
เลือกรองเท้าที่เหมาะสม:
-
สวมรองเท้าตลอดเวลา ทั้งในและนอกบ้าน
-
เลือกรองเท้าที่ทำจากวัสดุที่นุ่มและระบายอากาศได้ดี เช่น หนังนิ่ม
-
ควรมีขนาดพอดี ไม่คับหรือหลวมเกินไป และมีหัวรองเท้าที่กว้างเพื่อไม่ให้นิ้วเท้าถูกบีบ
-
ตรวจดูสิ่งแปลกปลอมในรองเท้าทุกครั้งก่อนสวมใส่
-
สวมถุงเท้าที่สะอาด: เลือกใช้ถุงเท้าที่ทำจากผ้าฝ้าย ไม่รัดแน่น และไม่มีตะเข็บแข็ง
-
ห้ามเดินเท้าเปล่าเด็ดขาด: แม้จะอยู่ในบ้าน เพื่อป้องกันการเหยียบของมีคมหรือสัมผัสพื้นผิวที่ร้อนหรือเย็นเกินไป
-
หลีกเลี่ยงความร้อนโดยตรง: ห้ามใช้กระเป๋าน้ำร้อน, แผ่นประคบร้อน, หรือแช่เท้าในน้ำร้อนจัด เพราะอาจทำให้ผิวหนังพองได้โดยไม่รู้สึกตัว
- ส่งเสริมการไหลเวียนเลือด: ยกเท้าสูงขณะนั่ง, หมุนข้อเท้าและขยับนิ้วเท้าบ่อยๆ,และหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน
- พบแพทย์ตามนัด: ควรได้รับการตรวจเท้าอย่างละเอียดโดยบุคลากรทางการแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและรับคำแนะนำที่เหมาะสม ให้แพทย์ตรวจเท้าอย่างน้อยปีละครั้ง
- ตรวจชีพขจรที่เท้า และอาการปวดเท้าเวลาเดินซึ่งเป็นอาการของการขาดเลือด
- ตรวจความรู้สึกโดยใช้ monofilament หรือ vibratory sensation test
- ตรวจความผิดปกติของเท้าเช่น เท้าผิดรูป กระดูกงอก ตาปลา การเดิน ลักษณะเท้า
- ตรวจสภาพผิวหนังทั้งเท้าโดยเฉพาะซอกนิ้ว
- ตรวจเท้าเพื่อหาตำแหน่งของเท้าที่รับแรงกดมาก รอยแดง
- แจ้งแพทย์ทันทีที่มีปัญหา
- ให้แพทย์แสดงวิธีดูแลเท้า
สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงให้ตรวจเท้าทุก3-6 เดือน
ประเมินความเสี่ยงในการเกิดแผลที่เท้า
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว