siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

น้ำมันพืช (vegetable oil)

หมายถึง น้ำมัน (oil) ที่สกัด ได้จากส่วนต่างๆ ของพืชน้ำมัน เช่น เมล็ด เนื้อผล น้ำมันพืช
มีส่วนประกอบหลัก คือ ไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride)

 

แหล่งของน้ำมันพืชที่ใช้บริโภค

1.น้ำมันจากส่วนผลของพืชยืนต้น

2 น้ำมันจากเมล็ดของพืชล้มลุก

มีการการบริโภคน้ำมันพืชเพิ่มขึ้นมากมายในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา เนื่องมีการแนะนำให้รับประทานไขมันไม่อิ่มตัวแทนไขมันอิ่มตัว เนื่องจากเชื่อว่าการรับประทานไขมันอิ่มตัวจะทำให้เกิดโรคหัวใจแลหลอดเลือด น้ำมันพืชเหล่านี้ผ่านกระบวนการผลิตเช่น การฟอกสี การแต่งกลิ่น การใช้สารละลายที่มีพิษ น้ำมันพืชเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในการทำอาหารเพื่อสุขภาพ เช่นน้ำสลัด ยมายองเนส คุกกี้

ทำไมน้ำมันพืชจึงอันตราย

กรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นเนื่องจากร่างกายสร้างเองไม่ได้จะต้องได้รับจากอาหาร คนเราจะต้องรับประทานกรดไขมันเหล่านี้ในอัตราส่วนที่เหมาะสมจึงจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่เนื่องจากน้ำมันพืชเช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอยมีปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมก้า 6 มากเกินไป ทำให้คนเรารับประทานกรดไขมันโอเมก้า 6:กรดไขมัน โอเมก้า 3 มากถึง 16:1 วึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคไขข้อแลอื่น ๆ อีกมากมาย

น้ำมันพืชมีการสลายได้ง่าย

ก่อนอื่นต้องเข้าใจความหมายของไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน

ไขมันไม่อิ่มตัวเชิ่งซ้อน Polyunsaturated fats หมายถึงโครงสร้างทางเคมีมี double bonds อยู่หลายตำแหน่งจะมีขบวนการ oxidation ได้ง่ายหากทำปฏิกริยากับออกซิเจน เกิดขบวนการ radicity หากเรารับประทานกรดไขมันเหล่านี้มากจะมีการสะสมทีเซลล์ทำให้เซลล์เกิดการอักเสบ

น้ำมันพืชเช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม เมื่อถูกความร้อนจะสลายให้ aldehydes ซึ่งเป็นสารเคมีทำให้เกิดโรคมะเร็งและสมองเสื่อม โดยพบว่าอาหารที่ทอดด้วยน้ำมันเหล่านี้จะมีสาร aldehydes เกินค่ามาตราฐานถึง100-200 เท่า นอกจากนั้นด้สยคุณสมบัติที่สลายง่ายเที่อุณหภูมิห้อง และแสงแดดทำให้น้ำมันดังกล่าวมีการหื่นก่อนที่เราจะรับประทานด้วยซ้ำ และยังมี น้ำมันทรานส์ อยู่ด้วยซึ่งสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ 0.56-4.2%

ดังนั้นจึงไม่ควรบริโภคน้ำมันชนิดนี้เนื่องจากน้ำมันนี้เกิดขบวนการ oxidationได้ง่ายทั้งในร่างกายและนอกร่างกาย ควรจะใช้น้ำมันหมู เนย น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก แทนน้ำมันพืชเหล่านี้

นอกจากนั้นยังมีการศึกษาถึงผลการบริโภคน้ำพืชเหล่านี้กับการเกิดโรคหัวใจซึ่งมีการศึกษา 8 การศึกษา

อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันที่มีโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 สูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1 น้ำมันที่มีโอเมก้า 3 สูง

กลุ่มที่ 2 น้ำมันที่มีโอเมก้า 6 สูง

หมายเหตุ:

คำแนะนำ:

น้ำมันพืชหลายชนิดอุดมไปด้วยโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการ แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร

น้ำมันที่มีโอเมก้า 6 สูง ได้แก่

ข้อควรระวัง:

นี่คือตารางแสดงปริมาณโอเมก้า 3, โอเมก้า 6, อัตราส่วนโอเมก้า 6:3, ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน, และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวของน้ำมันแต่ละชนิดต่อ 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.)

น้ำมัน โอเมก้า 6 (กรัม) โอเมก้า 3 (กรัม) อัตราส่วนโอเมก้า 6:3 ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (กรัม) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (กรัม)
น้ำมันดอกทานตะวัน 9.8 0.1 98:1 10 2.2
น้ำมันข้าวโพด 7.2 0.1 72:1 7.3 2.8
น้ำมันถั่วเหลือง 7.1 0.9 8:1 8 3.7
น้ำมันงา 5.5 0.1 55:1 5.6 4.3
น้ำมันเมล็ดองุ่น 10 <0.1 >100:1 11 2
น้ำมันปลา 0.5 3.3 1:7 3.8 1.2
น้ำมัน flaxseed 2.2 7.5 1:3 9.7 1.8
น้ำมัน Chia seed 1.9 4.1 1:2 6 0.7
น้ำมันวอลนัท 9.1 1.4 7:1 10.5 2.6
น้ำมันคาโนลา 2.7 1.3 2:1 4 6.3

หมายเหตุ:

  • ข้อมูลในตารางนี้เป็นค่าโดยประมาณ ปริมาณโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และไขมันอื่นๆ อาจแตกต่างกันไปเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช แหล่งที่มา และกระบวนการผลิต
  • ควรบริโภคน้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกใช้น้ำมันให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับกรดไขมันที่จำเป็นอย่างครบถ้วน

 

ควรจะหลีกเลี่ยงน้ำมันอะไรบ้าง

น้ำมันซึ่งมี Omega-6 มากได้แก่

หลีกเลี่ยง margarines

น้ำมันทมีไขมันอิ่มตัวสูงได้แก่  butter, coconut oil, น้ำมันหมู และไขมันจากสัตว์

Google