
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
แม้การตรวจเท้าด้วยตนเองทุกวันจะเป็นหัวใจของการป้องกันแผล แต่การเข้ารับ การตรวจเท้าโดยแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง คือมาตรฐานที่ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนต้องปฏิบัติ เพราะนี่คือการประเมินเชิงลึกที่จะบอกได้ว่าเท้าของคุณมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลมากน้อยเพียงใด และต้องวางแผนการดูแลอย่างเข้มข้นแค่ไหน
การตรวจโดยแพทย์ไม่ได้เป็นเพียงการมองหาแผล แต่เป็นการประเมินการทำงานของระบบต่างๆ ที่ซับซ้อน เพื่อค้นหาปัญหาที่ซ่อนอยู่ก่อนที่จะสายเกินไป นี่คือ 5 ขั้นตอนสำคัญที่คุณจะได้เจอในห้องตรวจ
ก่อนจะเริ่มตรวจร่างกาย แพทย์จะสอบถามข้อมูลสำคัญต่างๆ เพื่อประเมินปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดของคุณ คำถามจะครอบคลุมถึง:
ประวัติโรคเบาหวาน: เป็นมานานแค่ไหน? ควบคุมระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) ได้ดีเพียงใด?
โรคประจำตัวอื่นๆ: มีความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคไตร่วมด้วยหรือไม่?
อาการที่เกี่ยวข้องกับเท้า: เคยมีอาการชา, ปวดแสบปวดร้อน, หรือเป็นตะคริวที่น่องเวลาเดินหรือไม่?
ประวัติในอดีต: เคยมีแผลที่เท้า หรือเคยถูกตัดนิ้ว/เท้ามาก่อนหรือไม่?
พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การสูบบุหรี่, การเดินเท้าเปล่า, และลักษณะของรองเท้าที่ใส่เป็นประจำ
ขั้นตอนนี้สำคัญที่สุดเพื่อตรวจหา ภาวะปลายประสาทเสื่อม (Neuropathy) หรืออาการ "เท้าชา" ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดแผลโดยไม่รู้ตัว แพทย์จะใช้อุปกรณ์หลายชนิดในการทดสอบ ได้แก่:
Monofilament Test: การใช้เส้นเอ็นไนลอนขนาดเล็กแตะตามจุดต่างๆ ที่ฝ่าเท้า เพื่อทดสอบ "การรับความรู้สึกเพื่อการป้องกัน" (Protective Sensation) หากคุณไม่รู้สึกถึงเส้นเอ็นนี้ แสดงว่ามีความเสี่ยงสูงมาก
Tuning Fork Test: การใช้ส้อมเสียงที่สั่นสะเทือนมาแตะที่กระดูกนิ้วโป้ง เพื่อทดสอบการรับรู้แรงสั่นสะเทือน ซึ่งมักจะสูญเสียไปในระยะแรกๆ ของภาวะปลายประสาทเสื่อม
Ankle Reflexes: การใช้ค้อนยางเคาะที่เอ็นร้อยหวายเพื่อดูกการกระตุกของข้อเท้า เป็นการประเมินการทำงานของเส้นประสาทโดยรวม
เพื่อตรวจสอบว่าเลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงเท้าของคุณได้ดีเพียงพอหรือไม่ ซึ่งจำเป็นต่อการป้องกันเนื้อเยื่อตายและการหายของแผล แพทย์จะทำการตรวจดังนี้:
การคลำชีพจร: แพทย์จะคลำชีพจรบริเวณหลังเท้าและข้อเท้าด้านใน เพื่อประเมินความแรงของสัญญาณเลือด
การสังเกตลักษณะผิว: มองหาสัญญาณของการขาดเลือด เช่น ผิวหนังบางเย็นเป็นมันเงา, ขนที่หน้าแข้งและนิ้วเท้าร่วง, หรือสีผิวที่ซีดหรือคล้ำผิดปกติ

เป็นการตรวจโดยการ "ดู" และ "คลำ" ทั่วทั้งเท้า เพื่อหาความผิดปกติทางกายภาพที่อาจเป็นจุดเสี่ยงให้เกิดแผล:
โครงสร้างเท้า: มองหารูปเท้าที่ผิดปกติ เช่น นิ้วเท้างอ, นิ้วหัวแม่เท้าเก, หรือภาวะเท้าแบน ซึ่งอาจสร้างจุดกดทับที่ผิดปกติ
ผิวหนัง: ตรวจหาผิวแห้งแตก, ตาปลา, หนังแข็ง, รอยแดงอักเสบ, หรืออุณหภูมิที่ร้อน/เย็นผิดปกติ
เล็บและซอกนิ้ว: ตรวจหาเล็บขบ, เล็บหนาผิดปกติ, และการติดเชื้อราตามซอกนิ้วเท้า ซึ่งเป็นทางเข้าของเชื้อโรคได้ง่าย

แพทย์มักจะขอให้คุณนำรองเท้าที่ใส่เป็นประจำมาให้ดู เพื่อประเมินว่ารองเท้าของคุณเหมาะสมและเป็นมิตรต่อเท้าหรือไม่ ทั้งในด้านขนาด รูปทรง และวัสดุ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการตรวจทั้งหมดนี้ จะทำให้แพทย์สามารถประเมิน "ระดับความเสี่ยง" ของเท้าคุณ (Risk Level 0-3) และวางแผนความถี่ในการนัดตรวจติดตามได้อย่างเหมาะสม
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว