siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

8 ขั้นตอนเลือกน้ำมันปรุงอาหารเพื่อสุขภาพและรสชาติที่ดี

น้ำมันปรุงอาหารเป็นส่วนประกอบสำคัญในครัว ไม่ว่าจะใช้ทอด ผัด อบ หรือทำน้ำสลัด การเลือกน้ำมันที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรสชาติ แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ บทความนี้จะแนะนำ 8 ขั้นตอนการเลือกน้ำมันปรุงอาหารให้เหมาะสม เพื่อให้คุณปรุงอาหารได้อย่างมั่นใจและดีต่อร่างกาย



8 ขั้นตอนเลือกน้ำมันปรุงอาหาร

1. ควบคุมปริมาณไขมันที่รับประทานในแต่ละวัน

ไขมันมีความสำคัญต่อร่างกาย ช่วยดูดซึมวิตามินและเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ผู้ใหญ่ควรบริโภคไขมันประมาณ 16-24 กรัมต่อวัน หรือคิดเป็นพลังงาน 180-270 แคลอรี่ (จากพลังงานทั้งหมด 2,000 แคลอรี่ต่อวัน) การตวงน้ำมันก่อนใช้จะช่วยควบคุมปริมาณได้ดี

2. เลือกน้ำมันตามชนิดของกรดไขมัน

น้ำมันแต่ละชนิดมีกรดไขมันที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพ:

เคล็ดลับ: เลือกน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง และจำกัดไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์

การเลือกน้ำมันปรุงอาหาร

3. พิจารณาส่วนประกอบของกรดไขมันในน้ำมันแต่ละชนิด

น้ำมันแต่ละชนิดมีสัดส่วนกรดไขมันที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการใช้งานและสุขภาพ:

เคล็ดลับ: เลือกน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวรวมกันมากกว่า 80% เช่น น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันคาโนลา

เรียงปริมาณไขมันอิ่มตัวจากมากไปน้อย (per 100 g)
Type of fat

TF g(%)

SF

 (g)

Mono

 (g)

Poly

 (g)

S P
น้ำมันมะพร้าว 99 83(86) 6 2

177 °C

(351 °F)

Ghee 99 62 29 4

204 °C

(399 °F)

Suet 94 52 32 3

200 °C

(392 °F)

เนย 80-88 43-48 15-19 2-3

150 °C

(302 °F)

น้ำมันหมู 100 39 45 11

190 °C

(374 °F)

น้ำมันรำข้าว 100 25 38 37

250 °C

(482 °F)

Vegetable shortening 100 25 41 28

165 °C

(329 °F)

น้ำมันถั่วลิสง 100 17 46 32

225 °C

(437 °F)

น้ำมันถั่วเหลือง 100 15 22 57-58

257 °C

(495 °F)

น้ำมันข้าวโพด 100 13-14 27-29 52-54

230 °C

(446 °F)

น้ำมันมะกอก 100 13-19 59-74 6-16

190 °C

(374 °F)

Sunflower oil (high oleic) 100 12 84 4
น้ำมันดอกทานตะวัน 100 10 20 66

225 °C

(437 °F)

น้ำมันคาโนลา 100 6-7 62-64 24-26

205 °C

(401 °F)

TF=Total Fat

SF=Saturatd Fat

Mono=Monounsaturated Fat

Poly=Polyunsaturated Fat

S P=Smoking point

4. เลือกน้ำมันตามรสชาติ

น้ำมันบางชนิดช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร:

5. ตรวจสอบวันหมดอายุ

น้ำมันมีวันหมดอายุที่ควรคำนึงถึง:

เคล็ดลับ: อย่าซื้อน้ำมันในปริมาณมากเกินไป และตรวจสอบกลิ่น หากมีกลิ่นเหม็นหืน ไม่ควรใช้

6. เลือกน้ำมันที่ทนความร้อนตามวิธีปรุงอาหาร

จุดควัน (Smoke Point) เป็นตัวบ่งชี้ว่าน้ำมันทนความร้อนได้แค่ไหน:

น้ำมันจุดควัน (°C)เหมาะกับ
น้ำมันมะกอก (Extra Virgin)190น้ำสลัด, ผัด, อบ
น้ำมันมะกอก (Refined)240ผัด, อบ
น้ำมันดอกทานตะวัน (High Oleic)225ทอด, ผัด
น้ำมันมะพร้าว177-204อบ, ผัด
น้ำมันคาโนลา204ผัด, อบ, ทอด
น้ำมันถั่วลิสง225ทอด, ผัด
น้ำมันรำข้าว250ทอด, ผัด

เคล็ดลับ: น้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสูง เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน High Linoleic (66%) ออกซิไดซ์ง่าย ไม่เหมาะกับการทอด

7. คำนึงถึงกรรมวิธีการผลิตน้ำมัน

กรรมวิธีผลิตส่งผลต่อคุณภาพน้ำมัน:

8. ดูแลน้ำมันให้ดีเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ

น้ำมันเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสแสง ความร้อน และออกซิเจน:

น้ำมันยอดนิยมและการใช้งาน

สรุป

การเลือกน้ำมันปรุงอาหารด้วย 8 ขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณได้ทั้งรสชาติและสุขภาพที่ดี ควรพิจารณาปริมาณไขมัน ชนิดกรดไขมัน จุดควัน กรรมวิธีผลิต และการดูแลน้ำมัน เลือกน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันคาโนลา และหลีกเลี่ยงการทอดซ้ำเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

เผยแพร่เมื่อ:

โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

 

เพิ่มเพื่อน