
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
บทนำ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือ Hypoglycemia เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันที่พบบ่อยและอาจเป็นอันตรายที่สุดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยเฉพาะผู้ที่รักษาด้วยยาอินซูลินหรือยากลุ่มซัลโฟนีลยูเรีย การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุ, อาการเตือน, และวิธีรับมือที่ถูกต้อง คือทักษะการดูแลตนเองที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างปลอดภัยและทันท่วงที
คือภาวะที่ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดลดลง
ต่ำกว่า 70 มก./ดล. ซึ่งเป็นระดับที่ร่างกายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง เริ่มขาดพลังงานและอาจทำงานผิดปกติได้ การวินิจฉัยที่สมบูรณ์จะอาศัยเกณฑ์ 3 ประการร่วมกัน (Whipple's triad) คือ 1. มีอาการของภาวะน้ำตาลต่ำ 2. ตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ 3. อาการดีขึ้นหลังจากได้รับน้ำตาล
ภาวะนี้เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างยา, อาหาร, และกิจกรรมที่ทำ ปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อย ได้แก่:
อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก:
อาการเตือนจากระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Symptoms): เป็นสัญญาณเตือนระยะแรกที่ควรสังเกตและรีบแก้ไข
อาการจากสมองขาดน้ำตาล (Neuroglycopenic Symptoms): เกิดขึ้นเมื่อสมองเริ่มขาดพลังงานอย่างรุนแรง
กรณีที่ผู้ป่วยยังมีสติ: ปฏิบัติตาม "กฎ 15" "กฎ 15" คือหลักการแก้ไขภาวะน้ำตาลต่ำเบื้องต้นที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ
รับประทานคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม ที่ดูดซึมเร็ว ตัวอย่างเช่น:
รอ 15 นาที แล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดซ้ำ
หากระดับน้ำตาลยังต่ำกว่า 70 มก./ดล. ให้ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 และ 2
เมื่อระดับน้ำตาลกลับสู่ภาวะปกติ (> 80 มก./ดล.) หากยังไม่ถึงมื้ออาหารหลักในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า ควรรับประทานอาหารว่างเพิ่มเติม (เช่น ขนมปังแครกเกอร์, นม) เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลลดต่ำลงอีก
กรณีที่ผู้ป่วยหมดสติหรือไม่สามารถกลืนได้ (ภาวะรุนแรง)
การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นเป้าหมายที่ดีที่สุด ทำได้โดย:
การทำงานร่วมกับแพทย์และทีมผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนการใช้ยา การรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตประจำวันที่เหมาะสมกับตัวคุณ คือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันและใช้ชีวิตกับเบาหวานได้อย่างปลอดภัย
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว