siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) เพิ่มความเสี่ยงความดันโลหิตสูงและครรภ์เป็นพิษได้อย่างไร?

ผู้ป่วยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes - GDM) มีความสัมพันธ์โดยตรงและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิด "ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์" โดยเฉพาะภาวะที่รุนแรงที่เรียกว่า "ครรภ์เป็นพิษ" (Preeclampsia)

นี่คือรายละเอียดที่สำคัญครับ

ทำไมเบาหวานขณะตั้งครรภ์จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง?

กลไกหลักที่เชื่อมโยงสองภาวะนี้เข้าด้วยกันมีความซับซ้อน แต่ปัจจัยสำคัญที่พอจะอธิบายได้คือ:

  1. ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance): เป็นกลไกพื้นฐานร่วมกันของทั้งสองโรค เมื่อร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ไม่เพียงแต่จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการทำงานของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความดันโลหิตสูง

  2. การอักเสบและการทำงานของหลอดเลือดผิดปกติ: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเล็กๆ ทั่วร่างกาย และทำลายผนังด้านในของหลอดเลือด (Endothelial Dysfunction) ทำให้หลอดเลือดหดตัวได้ง่ายขึ้น ความดันในหลอดเลือดจึงสูงขึ้นตามมา

  3. ปัจจัยจากรก (Placental Factors): ในครรภ์ที่มีภาวะเบาหวาน รกอาจสร้างสารบางอย่างที่ส่งผลให้หลอดเลือดทั่วร่างกายของคุณแม่หดตัว ซึ่งนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูงได้

ภาวะความดันโลหิตสูงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

ภาวะที่น่ากังวลที่สุดและต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในคุณแม่ที่เป็นเบาหวานคือ ครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia)

อาการครรภ์เป็นพิษ

การดูแลและเฝ้าระวังเรื่องความดันโลหิตในผู้ป่วยเบาหวานขณะตั้งครรภ์

เมื่อคุณแม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ทีมแพทย์จะเพิ่มการเฝ้าระวังภาวะความดันโลหิตสูงอย่างใกล้ชิดขึ้นโดยอัตโนมัติ:

  1. วัดความดันโลหิตทุกครั้งที่มาฝากครรภ์: แพทย์จะติดตามค่าความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าเริ่มสูงขึ้นจะมีการจัดการที่เหมาะสม

  2. ตรวจปัสสาวะ: เพื่อตรวจหาโปรตีนรั่ว ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญของภาวะครรภ์เป็นพิษ

  3. ให้ความรู้เรื่องอาการเตือน: แพทย์และพยาบาลจะแนะนำให้คุณแม่สังเกตอาการเตือนของภาวะครรภ์เป็นพิษดังที่กล่าวไปข้างต้น หากมีอาการควรรีบมาพบแพทย์ทันที

  4. การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: นี่คือวิธีป้องกันที่ดีที่สุด การควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดการอักเสบและความเสียหายต่อหลอดเลือด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูงและครรภ์เป็นพิษได้โดยตรง

  5. การใช้ยา: หากตรวจพบว่ามีความดันโลหิตสูงจริง แพทย์จะพิจารณาให้ยาลดความดันโลหิตที่ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์

โดยสรุป การเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงและครรภ์เป็นพิษได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีตามเป้าหมาย จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยครับ

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว






โรคเบาหวาน

โรคเบาหวานคืออะไร

ชนิดของเบาหวาน

ความแตกต่างของเบาหวานชนิดที่1และ2

อาการและสัญญาณเตือน

ใครคือกลุ่มเสี่ยง?

การตรวจและวินิจฉัยโรคเบาหวาน

เป้าหมายสำคัญในการควบคุมเบาหวาน

การเจาะน้ำตาลหลังอาหาร

เกณฑ์การควบคุมเบาหวานที่ดี

น้ำตาลหลังอาหาร

โภชนาการและการกิน

อาหารจานสุขภาพ

การออกกำลังกาย

แนวทางการออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวาน

การออกกำลังกายในผู้ที่มีโรคแทรกซ้อน

ออกกำลังกายเวลาไหนด

ยารักษาเบาหวาน

เทคโนโลยีเบาหวาน

บาหวานระยะสงบ

IF กับเบาหวาน

การป้องกันและรับมือภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน

ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังที่ ตา, ไต, และปลายประสาท

การดูแลสุขภาพเท้า

การจัดการความเสี่ยงโรคหัวใจ

การจัดการความดันโลหิตสูง

การจัดการเรื่องไขมัน

การดูแลเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น

การดูแลเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์

การดูแลเบาหวานในผู้สูงอายุ

แนวทางการจัดการน้ำหนัก

เช็กลิสต์การตรวจสุขภาพประจำปี

เที่ยวกับเบาหวาน

การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข