หน้าหลัก | สุขภาพดี
| สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
สัญญาณเตือนและกลุ่มเสี่ยงของโรคเท้าจากเบาหวาน ผมได้รวบรวมข้อมูลจากแนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2566 และแหล่งข้อมูลทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถืออื่นๆ เพื่อให้คำตอบที่ชัดเจนและครอบคลุมดังนี้ครับ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเริ่มมีโรคเท้าจากเบาหวาน? (สัญญาณเตือน)
ปัญหาโรคเท้าจากเบาหวานมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ และอาจไม่มีอาการเจ็บปวดในระยะแรกเนื่องจากภาวะเส้นประสาทเสื่อม ดังนั้น การสังเกตและตรวจดูเท้าด้วยตนเองทุกวันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณอาจเริ่มมีปัญหาโรคเท้าจากเบาหวาน ได้แก่:
-
การเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก:
-
อาการชา: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด อาจรู้สึกเหมือนมีหมุดทิ่มหรือเหมือนสวมถุงเท้าอยู่ตลอดเวลา
-
ปวดแสบปวดร้อน: อาจมีอาการปวดคล้ายไฟช็อต หรือร้อนวูบวาบโดยไม่มีสาเหตุ
-
สูญเสียการรับความรู้สึก: ไม่รู้สึกเจ็บเมื่อเหยียบของมีคม หรือไม่รู้สึกร้อน/เย็น
-
การเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้:
-
ผิวหนังแห้งแตก: โดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า ซึ่งเกิดจากการที่ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ
-
สีผิวเปลี่ยนแปลง: ผิวหนังอาจมีสีคล้ำขึ้น หรือซีดลงผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะขาดเลือด
-
เท้าบวม: อาจเกิดอาการบวมที่เท้าข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
-
แผลหายช้า: แผลเล็กๆ น้อยๆ ใช้เวลานานกว่าจะหาย หรือกลายเป็นแผลเรื้อรัง
-
ตาปลาหรือหนังแข็ง: การเกิดหนังแข็งหนาๆ บริเวณที่ลงน้ำหนัก อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดแผลได้
-
เล็บผิดปกติ: เล็บอาจหนาขึ้น, มีสีเปลี่ยนไป, หรือมีเชื้อรา
-
รูปเท้าผิดปกติ: นิ้วเท้างุ้มงอ หรือกระดูกโปนขึ้นมา
-
สัญญาณของภาวะหลอดเลือดตีบ:
-
ปวดน่องเวลาเดิน: มีอาการปวดที่น่องหรือขาเวลาเดินต่อเนื่อง และจะดีขึ้นเมื่อหยุดพัก
-
เท้าเย็น: เท้าข้างหนึ่งเย็นกว่าอีกข้างอย่างชัดเจน
-
ขนที่ขาร่วง: ขนบริเวณหน้าแข้งหรือหลังเท้าร่วงหรือน้อยลง
ใครคือผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเท้าจากเบาหวาน?
ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนมีความเสี่ยง แต่จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหากมีปัจจัยต่อไปนี้ร่วมด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลและตรวจติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ:
-
มีภาวะปลายประสาทเสื่อม (Peripheral Neuropathy): เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ทำให้เกิดอาการชาและไม่รู้สึกเจ็บเมื่อมีแผล
-
มีประวัติเคยเป็นแผลที่เท้าหรือเคยถูกตัดเท้า/นิ้วเท้ามาก่อน
-
มีภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ (Peripheral Arterial Disease): ทำให้เลือดไปเลี้ยงเท้าไม่ดี แผลจึงหายยาก
-
มีเท้าผิดรูป: เช่น นิ้วเท้างุ้มงอ, กระดูกโปน, หรือมีตาปลาและหนังแข็ง ซึ่งทำให้เกิดแรงกดทับผิดปกติ
-
มีภาวะแทรกซ้อนที่อวัยวะอื่น:
-
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีเป็นเวลานาน
-
การสวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม
-
การสูบบุหรี่: ซึ่งทำให้หลอดเลือดตีบแข็งและเลือดไปเลี้ยงเท้าลดลงอย่างมาก
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว