หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
การเลือกน้ำมันปรุงอาหารที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด น้ำมันแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่ขององค์ประกอบทางโภชนาการ จุดเกิดควัน (Smoke Point) และการใช้งานที่เหมาะสม บทความนี้จะแนะนำวิธีเลือกน้ำมันปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ ชนิดของน้ำมันที่ควรใช้ ข้อควรระวัง และเคล็ดลับในการใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถปรุงอาหารได้อย่างปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ
ไขมันที่ใช้ไม่ระมัดระวังจะทำร้ายสุขภาพได้แก่
ควรจะใช้ไขมันชนิดนี้ให้น้อยที่สุด ปกติควรจะได้ไขมันชนิดนี้ไม่เกินร้อยละ 7 ของพลังงานที่ได้จากไขมัน การที่จะลดไขมันนี้คุณควรลดอาหารเหล่านี้
ให้ลดอาหารที่มีไขมันชนิดนี้เนื่องจากไขมันชนิดนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดแข็ง
ได้แก่น้ำมันมะกอก น้ำมันดโวคาโด และถั่ว ให้ใช้น้ำมันมะกอกชนิด extra virgin ให้มากที่สุด แต่หากปรุงอาหารที่ต้องใช้อุณหภูมิสูงให้ใช้น้ำมันอัลมอน น้ำมันถั่วลิสง หรือน้ำมันอโวคาโด
เน้นการรับประทานอาหารที่มีไขมันโอเมกา3โดยรับประทานปลาsalmon, herring, mackerel ถั่วwalnuts, เม็ดchia และ flaxseeds.
น้ำมันเป็นแหล่งของไขมัน ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้พลังงาน สนับสนุนการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน (A, D, E, K) และมีบทบาทในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์และฮอร์โมน อย่างไรก็ตาม การเลือกน้ำมันที่ไม่เหมาะสมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เนื่องจาก:
การเลือกน้ำมันที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาทั้งคุณค่าทางโภชนาการและวิธีการปรุงอาหาร
น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพมักมี MUFA และ PUFA สูง พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอลหรือวิตามิน E ต่อไปนี้คือน้ำมันที่แนะนำสำหรับการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ:
ตรวจสอบองค์ประกอบไขมัน:
พิจารณาจุดเกิดควัน:
เลือกน้ำมันที่ไม่ผ่านการกลั่นมากเกินไป: น้ำมันแบบสกัดเย็น (Cold Press) เช่น น้ำมันมะกอก Extra Virgin หรือน้ำมันรำข้าวแบบไม่กลั่น รักษาวิทยามินและสารต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่า
อ่านฉลากโภชนาการ: ตรวจสอบว่าไม่มีไขมันทรานส์และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่น วิตามิน E หรือสารต้านอนุมูลอิสระ
เลือกตามงบประมาณและรสชาติ: น้ำมันมะกอกและอะโวคาโดอาจมีราคาสูงกว่าน้ำมันคาโนลาหรือรำข้าว แต่ให้รสชาติที่หลากหลาย
ใช้ตามประเภทการปรุงอาหาร:
ควบคุมปริมาณ: ใช้ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน (ประมาณ 120 แคลอรี่ต่อช้อนโต๊ะ) เพื่อควบคุมแคลอรี่และรักษาสมดุลของไขมัน
หลีกเลี่ยงความร้อนเกินจุดเกิดควัน: การใช้ความร้อนสูงเกินไปอาจทำให้เกิดสารอันตรายและสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ
สลับการใช้งาน: ใช้หลากหลายน้ำมันเพื่อให้ได้สารอาหารที่สมดุล เช่น ใช้มะกอกในน้ำสลัดและคาโนลาสำหรับทอด
เก็บรักษาอย่างถูกวิธี: เก็บในที่มืด เย็น และปิดสนิทเพื่อป้องกันการเหม็นหืน ซึ่งอาจลดคุณค่าทางโภชนาการ
เทคนิค | ลักษณะ | อุณหภูมิโดยประมาณ | น้ำมันที่เหมาะสม |
---|---|---|---|
Searing | การย่างผิวด้านนอกของอาหารให้เกรียม เพื่อให้เกิดรสชาติและกลิ่นหอม (เช่น ย่างเนื้อให้เกรียมด้านนอกก่อนอบต่อ) | สูงมาก (200–260°C) | น้ำมันที่ทนความร้อนสูง เช่น น้ำมันอะโวคาโด, น้ำมันคาโนลา |
Pan-Frying | การทอดด้วยน้ำมันปริมาณน้อยถึงปานกลางในกระทะ ร้อนทั่วด้านเดียวก่อนกลับด้าน (เช่น ทอดปลา, ไก่) | ปานกลางถึงสูง (160–190°C) | น้ำมันถั่วลิสง, น้ำมันรำข้าว, น้ำมันคาโนลา |
Browning | การทำให้อาหารเปลี่ยนสีน้ำตาลเพื่อสร้างรสชาติ เช่น การผัดเนื้อให้เปลี่ยนสี ก่อนตุ๋นหรือทำซอส | ปานกลางถึงสูง (160–200°C) | น้ำมันมะกอก (light), น้ำมันรำข้าว |
Stir-Frying | การผัดเร็วด้วยไฟแรงในกระทะ (เช่น wok) เคลื่อนไหวตลอดเวลา | สูงมาก (200–230°C) | น้ำมันถั่วลิสง, น้ำมันคาโนลา, น้ำมันรำข้าว |
Baking | การอบในเตาอบโดยใช้อากาศร้อน (เช่น ขนมปัง, ขนมอบ, ผักอบ) | ปานกลางถึงสูง (160–220°C) | น้ำมันมะกอก, น้ำมันดอกคำฝอย, น้ำมันอะโวคาโด |
Sauteing | การผัดเร็วในน้ำมันปริมาณน้อยด้วยไฟปานกลาง-สูง (คล้าย stir-fry แต่ใช้ไฟต่ำกว่า) | ปานกลาง (140–180°C) | น้ำมันมะกอก, น้ำมันรำข้าว, น้ำมันเมล็ดองุ่น |
Sauces | ซอสประกอบอาหาร เช่น ซอสมะเขือเทศ, ซอสเนย, ซอสไวน์ มักใช้ไฟอ่อน–กลาง เน้นลดน้ำ/เคี่ยว | ต่ำ–ปานกลาง (80–120°C) | แล้วแต่สูตร: น้ำมันมะกอก, เนย, ครีม, น้ำมันงา |
Dressings | น้ำสลัดไม่ผ่านความร้อน มักเป็นการผสมของน้ำมัน + น้ำส้มสายชู + สมุนไพร | ไม่ใช้ความร้อน | น้ำมันมะกอก extra virgin, น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์, น้ำมันอะโวคาโด |
Dips | น้ำจิ้มหรือครีมจิ้ม เช่น ฮัมมุส, กัวคาโมเล่, ซัลซา | ส่วนใหญ่ไม่ใช้ความร้อน | น้ำมันมะกอก, น้ำมันงา, น้ำมันถั่ว |
Marinades | หมักอาหาร เช่น เนื้อ หมู ไก่ ก่อนปรุง มักใช้กรด + น้ำมัน + เครื่องเทศ | ไม่ใช้ความร้อนขณะหมัก | น้ำมันมะกอก, น้ำมันรำข้าว, น้ำมันถั่วลิสง |
การเลือกและใช้งานน้ำมันปรุงอาหารเพื่อสุขภาพเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพหัวใจและร่างกายโดยรวม น้ำมันมะกอก Extra Virgin, น้ำมันรำข้าว, น้ำมันคาโนลา, น้ำมันอะโวคาโด, น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์, และน้ำมันดอกทานตะวัน (High Oleic) เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากมี MUFA และ PUFA สูง พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระที่ปกป้องหลอดเลือด การเลือกน้ำมันที่มีจุดเกิดควันเหมาะสมกับวิธีการปรุงอาหาร ควบคุมปริมาณ และเก็บรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากน้ำมันเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่สมดุลและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงในระยะยาว