หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสำคัญเกี่ยวกับยา Cisapride (ซิซาไพรด์) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคระบบทางเดินอาหาร จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ป่วยและบุคคลทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานี้ สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย และทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวังต่างๆ ที่สำคัญ การมีความรู้เกี่ยวกับยาที่คุณใช้จะช่วยให้คุณจัดการกับโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Cisapride (ซิซาไพรด์) เป็นยาในกลุ่ม Prokinetic Agents หรือยาที่ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร ใช้สำหรับรักษาโรคและอาการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ที่ผิดปกติ เช่น ภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease - GERD) ที่รุนแรง และภาวะกระเพาะอาหารเคลื่อนไหวช้า (Gastroparesis) ยานี้ออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบในทางเดินอาหาร ทำให้การลำเลียงอาหารทำได้ดีขึ้นและลดโอกาสที่อาหารจะไหลย้อนกลับ
ในปัจจุบัน การใช้ Cisapride มีข้อจำกัดอย่างเข้มงวดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากยานี้มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง (Severe Cardiac Arrhythmias) ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น Cisapride จึงไม่ใช่ยาที่ใช้กันทั่วไปแล้ว แต่จะถูกสำรองไว้สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อยาอื่น และต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดเท่านั้น ชื่อทางการค้าที่เคยเป็นที่รู้จักคือ Propulsid เป็นต้น
Cisapride ออกฤทธิ์โดยการเพิ่มการหลั่งและการตอบสนองต่อสารสื่อประสาท Acetylcholine ในระบบประสาทของทางเดินอาหาร ซึ่ง Acetylcholine มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบในกระเพาะอาหารและลำไส้ เมื่อ Cisapride เพิ่มการทำงานของ Acetylcholine จะส่งผลให้:
เพิ่มการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้: ทำให้การเคลื่อนที่ของอาหารจากกระเพาะอาหารไปยังลำไส้เล็กเร็วขึ้น (Gastric Emptying)
เพิ่มแรงดันของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (Lower Esophageal Sphincter): ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หลอดอาหาร
ลดการไหลย้อนของกรด: การบีบตัวของกระเพาะอาหารและหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างที่แข็งแรงขึ้น ช่วยลดโอกาสที่กรดและอาหารจะไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลต่อหัวใจ: ในขณะเดียวกัน Cisapride ก็มีฤทธิ์ต่อช่องไอออนในเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ในผู้ป่วยบางราย จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยานี้ถูกจำกัดการใช้งาน
เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อหัวใจ ปัจจุบัน Cisapride จึงถูกจำกัดการใช้สำหรับ:
ภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease - GERD) ที่รุนแรง: โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็กที่ภาวะ GERD อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาอื่น
ภาวะกระเพาะอาหารเคลื่อนไหวช้า (Gastroparesis): ซึ่งเป็นภาวะที่กระเพาะอาหารบีบตัวน้อยกว่าปกติ ทำให้การลำเลียงอาหารเข้าสู่ลำไส้เล็กทำได้ช้า
การกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่: ในภาวะท้องผูกบางชนิดที่รุนแรงและไม่ตอบสนองต่อยาอื่น
ข้อสำคัญ: เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงมีการนำยาตัวอื่นที่มีกลไกคล้ายกันแต่ปลอดภัยกว่ามาใช้แทน Cisapride เป็นยาทางเลือกแรกในปัจจุบัน
Cisapride มีจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน โดยทั่วไปมีขนาด 5 มิลลิกรัม (มก.) และ 10 มก.
ขนาดยาที่ใช้แตกต่างกันไปตามข้อบ่งใช้และสภาพของผู้ป่วย และต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น:
สำหรับผู้ใหญ่: โดยทั่วไป 5-10 มก. วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
สำหรับเด็ก: ปรับขนาดตามน้ำหนักตัวและคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ห้ามใช้เกินขนาดที่แพทย์สั่งโดยเด็ดขาด
วิธีการใช้ยา:
รับประทานยา ก่อนอาหารประมาณ 15-30 นาที และก่อนนอน เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร
กลืนยาเม็ดทั้งเม็ดพร้อมน้ำ
หมายเหตุ: การใช้ Cisapride ในปัจจุบันต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเข้มงวด และอาจต้องมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram - ECG) ก่อนเริ่มยาและระหว่างการรักษา
เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ การแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Cisapride คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับ:
ประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Cisapride หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาหรือไม่
โรคประจำตัวอื่นๆ: โดยเฉพาะ
โรคหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, หัวใจล้มเหลว, หัวใจขาดเลือด, ความดันโลหิตสูงที่ไม่ควบคุม
ภาวะที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด QT interval prolongation: เช่น มีประวัติส่วนตัวหรือประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้, มีระดับเกลือแร่โพแทสเซียมหรือแมกนีเซียมในเลือดต่ำ
โรคตับ (Liver disease) หรือโรคไต (Kidney disease): อาจทำให้ระดับยา Cisapride ในเลือดสูงขึ้น
ภาวะลำไส้อุดตัน หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร:
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์:
การให้นมบุตร:
ยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรอื่นๆ ที่กำลังใช้: โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ยับยั้งเอนไซม์ CYP3A4 ในตับ เช่น ยาต้านเชื้อราบางชนิด (Ketoconazole), ยาปฏิชีวนะ Macrolides บางชนิด (Erythromycin), และยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิด (Amiodarone) เนื่องจากยาเหล่านี้จะเพิ่มระดับ Cisapride ในเลือดและเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อหัวใจ
เนื่องจากความเสี่ยงต่อหัวใจที่กล่าวไปข้างต้น การใช้ Cisapride มีข้อควรระวังอย่างเข้มงวด:
ปฏิกิริยาระหว่างยาที่รุนแรง: ห้ามใช้ Cisapride ร่วมกับยาหลายชนิดที่ยับยั้งเอนไซม์ CYP3A4 อย่างเด็ดขาด เพราะอาจเพิ่มระดับ Cisapride ในเลือดจนเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่รุนแรงและอาจเสียชีวิตได้
ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อ QT prolongation: ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, มีระดับเกลือแร่ผิดปกติ, หรือมีประวัติ QT prolongation
ภาวะลำไส้อุดตัน: ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะลำไส้อุดตัน หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร
ผู้ป่วยโรคตับและไต: ควรใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และแพทย์จะต้องปรับลดขนาดยาอย่างเหมาะสม
อาการที่ต้องเฝ้าระวังและควรพบแพทย์ทันที:
อาการที่บ่งชี้ถึงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ: เช่น ใจสั่น, หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ, เจ็บหน้าอก, เวียนศีรษะ, หน้ามืด, เป็นลม
อาการปวดท้องรุนแรง:
อาการท้องเสียรุนแรง:
อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, บวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือคอ, หายใจลำบาก (เป็นภาวะฉุกเฉิน)
การตรวจพิเศษ:
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG): อาจต้องมีการตรวจ ECG ก่อนเริ่มยาและระหว่างการรักษา
การตรวจระดับเกลือแร่ในเลือด: เช่น โพแทสเซียม (Potassium) และแมกนีเซียม (Magnesium)
การตรวจการทำงานของตับและไต:
Cisapride มีปฏิกิริยาระหว่างยาที่สำคัญและรุนแรงหลายชนิด เนื่องจากยาจะถูกเผาผลาญโดยเอนไซม์ CYP3A4 สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ
ยาที่ห้ามใช้ร่วมกันอย่างเด็ดขาด:
ยาต้านเชื้อรากลุ่ม Azole: เช่น fluconazole ;itraconazole ; ketoconazole ;
ยาปฏิชีวนะ Macrolides: เช่น Erythromycin,, Telithromycin, clarithromycin, erythromycin
ยาแก้ซึมเศร้า: เช่น Nefazodone
ยาต้านไวรัส HIV: เช่น Indinavir, Ritonavir
ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ: เช่น Amiodarone, Quinidine
Grapefruit juice (น้ำเกรปฟรุต): สามารถยับยั้งเอนไซม์ CYP3A4 ได้เช่นกัน จึงควรหลีกเลี่ยง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักไม่รุนแรงและหายเอง):
ระบบทางเดินอาหาร: ปวดท้อง, ท้องเสีย, คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องผูก, ท้องอืด
อื่นๆ: ปวดศีรษะ, นอนไม่หลับ, ง่วงซึม, คัดจมูก, เวียนศีรษะ
ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง (QT prolongation): ซึ่งอาจนำไปสู่หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด Torsades de pointes และเสียชีวิตได้
ปฏิกิริยาการแพ้ยาอย่างรุนแรง:
ภาวะตับทำงานผิดปกติ:
ภาวะชัก:
หากพบอาการรุนแรง หรืออาการที่น่ากังวล ควรรีบหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
ใช้ยาตามขนาดและเวลาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด: ห้ามเพิ่มขนาดยา หรือใช้ยาบ่อยกว่าที่กำหนด
หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยาที่ต้องห้าม: โดยเฉพาะยาที่ระบุในหัวข้อ 8
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเกรปฟรุต:
ปรึกษาแพทย์หากมีอาการท้องเสียรุนแรง:
แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่ใช้อยู่: เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา
หากได้รับ Cisapride เกินขนาด อาจเกิดอาการปวดเกร็งท้องรุนแรง, ท้องเสีย, หรือที่สำคัญที่สุดคือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที การรักษาจะเน้นที่การดูแลตามอาการและประคับประคอง โดยเฉพาะการเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจ
Cisapride มักรับประทานวันละ 3-4 ครั้ง
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้
หากใกล้ถึงเวลาของยาครั้งถัดไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานตามตารางปกติ
ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อชดเชยยาที่ลืมเด็ดขาด: เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง
เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง: ประมาณ 20-25°C (68-77°F) หรือตามที่ระบุบนฉลากยา
เก็บในที่แห้งและพ้นจากแสงแดดโดยตรง:
เก็บในภาชนะบรรจุเดิมที่ปิดสนิท:
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง:
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยาเสมอ: ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว
สตรีมีครรภ์: Cisapride จัดอยู่ใน Pregnancy Category C (จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบผลข้างเคียง แต่ไม่มีข้อมูลเพียงพอในมนุษย์) ยานี้ไม่แนะนำให้ใช้ในสตรีมีครรภ์ และควรพิจารณาใช้ยาอื่นที่มีความปลอดภัยมากกว่า
การให้นมบุตร: Cisapride สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรขณะใช้ยานี้ และแพทย์อาจแนะนำให้หยุดให้นมบุตรหรือเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น
Cisapride เป็นยา Prokinetic ที่เคยมีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะกรดไหลย้อนและปัญหาการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร แต่ปัจจุบันถูกจำกัดการใช้อย่างเข้มงวดเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง ดังนั้น Cisapride จึงไม่ใช่ยาที่ใช้กันทั่วไปแล้ว แต่จะถูกสำรองไว้สำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายเท่านั้น และต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด การทำความเข้าใจข้อบ่งใช้ ข้อควรระวัง และปฏิกิริยาระหว่างยาอย่างเคร่งครัด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ยานี้
ยาน้ำแก้โรคกระเพาะ | ยาระบาย | ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน | ยา cisapride | ยา hyocyamine | ยาแก้กระเพาะกลุ่ม PPI | ยาขับลม | sucralfate | ranitidine | nizatidine | cimetidine | famotidine | ยาแก้ท้องเสีย | Esomeprazole | lansoprazole | Omeprazole | Misoprostol
วันที่เผยแพร่: 1 สิงหาคม 2568, 09:30 น.ผู้เขียน: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ที่มา: SiamHealth.net