หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสำคัญเกี่ยวกับยา Esomeprazole (เอสโซเมพราโซล) ซึ่งเป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาโรคกรดไหลย้อนและโรคกระเพาะอาหาร จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ป่วยและบุคคลทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานี้ สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย และทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวังต่างๆ ที่สำคัญ การมีความรู้เกี่ยวกับยาที่คุณใช้จะช่วยให้คุณจัดการกับโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Esomeprazole (เอสโซเมพราโซล) เป็นยาในกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ยาที่ช่วยลดการหลั่งกรด" ใช้สำหรับรักษาโรคและอาการที่เกี่ยวข้องกับกรดในกระเพาะอาหารที่มากเกินไป เช่น ภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease - GERD) แผลในกระเพาะอาหาร และภาวะหลั่งกรดเกิน (Zollinger-Ellison Syndrome) ยานี้ถือเป็นยา PPIs รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Omeprazole ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเดียวกันที่ใช้กันมานานแล้ว Esomeprazole เป็นยาที่ออกฤทธิ์แรงและยาวนาน ทำให้สามารถควบคุมกรดได้ดีตลอดทั้งวัน ชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ Nexium เป็นต้น ในประเทศไทย Esomeprazole เป็นยาที่ต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น
กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดไฮโดรคลอริกออกมาเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร โดยกรดนี้ถูกผลิตโดยเซลล์ชนิดหนึ่งในกระเพาะอาหารที่เรียกว่า Parietal cells ซึ่งมีเอนไซม์สำคัญที่เรียกว่า Proton Pump ทำหน้าที่ในการขับกรดออกมา Esomeprazole ออกฤทธิ์หลักโดย:
ยับยั้งเอนไซม์ Proton Pump โดยตรง: Esomeprazole จะเข้าไปจับและยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Proton Pump ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการผลิตกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะอาหาร
ลดการหลั่งกรดอย่างรุนแรงและยาวนาน: การยับยั้งเอนไซม์นี้ทำให้การผลิตกรดในกระเพาะอาหารลดลงอย่างมากและมีประสิทธิภาพสูงกว่ายาในกลุ่ม H2 blockers และมีฤทธิ์ยาวนาน
ช่วยให้แผลหายและบรรเทาอาการ: การลดปริมาณกรดจะช่วยลดการระคายเคืองของแผลในกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร และช่วยให้เยื่อบุที่เสียหายมีโอกาสฟื้นตัวและหายจากแผลได้
Esomeprazole ใช้รักษาและป้องกันภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรดในกระเพาะอาหาร:
ภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease - GERD): รักษาอาการแสบร้อนกลางอก อาหารไม่ย่อย และช่วยให้เยื่อบุหลอดอาหารอักเสบหายดี
แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น: รักษาแผลที่เกิดจากเชื้อ H. pylori โดยใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะ และป้องกันแผลในกระเพาะที่เกิดจากการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
ภาวะหลั่งกรดเกิน (Pathological Hypersecretory Conditions): เช่น Zollinger-Ellison Syndrome ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายหลั่งกรดออกมามากผิดปกติ
ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของแผลในกระเพาะอาหาร:
Esomeprazole มีจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน โดยทั่วไปมีขนาด 20 มิลลิกรัม (มก.) และ 40 มก.
ขนาดยาที่ใช้แตกต่างกันไปตามข้อบ่งใช้และสภาพของผู้ป่วย:
สำหรับภาวะกรดไหลย้อน (GERD): โดยทั่วไป 20-40 มก. วันละครั้ง เป็นเวลา 4-8 สัปดาห์ หรือใช้ในระยะยาวสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง
สำหรับแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจาก H. pylori: 40 มก. วันละครั้ง ร่วมกับยาปฏิชีวนะอีก 2 ชนิด
สำหรับการป้องกันแผลจาก NSAIDs: 20-40 มก. วันละครั้ง
สำหรับภาวะหลั่งกรดเกิน (Zollinger-Ellison Syndrome): แพทย์จะเริ่มต้นด้วยขนาด 40 มก. วันละ 2 ครั้ง และปรับเพิ่มตามความเหมาะสม
วิธีการใช้ยา:
รับประทานยาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร: เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด (ห้ามรับประทานพร้อมหรือหลังอาหาร)
กลืนยาเม็ดทั้งเม็ดพร้อมน้ำ ห้ามเคี้ยว บด หรือหักเม็ดยา เพราะยาเคลือบจะช่วยให้ยาถูกดูดซึมในลำไส้เล็ก
ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
หมายเหตุ: ขนาดยาและวิธีการใช้จะถูกกำหนดโดยแพทย์ผู้รักษาตามสภาพอาการและอายุของผู้ป่วย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด
การแจ้งข้อมูลสุขภาพของคุณอย่างครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Esomeprazole คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับ:
ประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Esomeprazole, Omeprazole หรือยาในกลุ่ม PPIs อื่นๆ หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาหรือไม่
โรคประจำตัวอื่นๆ: โดยเฉพาะ
โรคตับ (Liver disease) ที่รุนแรง: อาจต้องปรับขนาดยา
โรคไต (Kidney disease):
ภาวะขาดวิตามิน B12: การใช้ PPIs เป็นเวลานานอาจลดการดูดซึมวิตามิน B12
ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (Hypomagnesemia): (จากการใช้ PPIs เป็นเวลานาน)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์:
การให้นมบุตร:
ยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรอื่นๆ ที่กำลังใช้: โดยเฉพาะยาที่มีช่วงการรักษาที่แคบ (Narrow Therapeutic Index) เช่น Warfarin, Phenytoin, Digoxin, ยาต้านไวรัส HIV (เช่น Nelfinavir, Atazanavir) เนื่องจาก Esomeprazole อาจเพิ่มหรือลดระดับยาเหล่านี้ในเลือดได้
ควรใช้ Esomeprazole ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยบางราย:
การใช้ PPIs เป็นเวลานาน:
ภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis) และกระดูกหัก: มีรายงานว่าการใช้ PPIs เป็นเวลานาน (เกิน 1 ปี) อาจเพิ่มความเสี่ยงของกระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง และข้อมือหักได้
ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (Hypomagnesemia): อาจเกิดขึ้นได้เมื่อใช้ PPIs เป็นเวลานาน (เกิน 3 เดือน) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะขาดวิตามิน B12: การใช้ PPIs เป็นเวลานานอาจลดการดูดซึมวิตามิน B12 ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือด
ความเสี่ยงในการติดเชื้อในลำไส้: เช่น C. difficile
ความเสี่ยงต่อโรคไตเรื้อรัง: มีรายงานความเชื่อมโยงเล็กน้อยระหว่างการใช้ PPIs ระยะยาวกับความเสี่ยงโรคไตเรื้อรัง
ปฏิกิริยาระหว่างยากับ Clopidogrel: การใช้ Esomeprazole ร่วมกับ Clopidogrel อาจลดประสิทธิภาพของ Clopidogrel ในการป้องกันลิ่มเลือดได้ ควรปรึกษาแพทย์
การบดบังอาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร: การใช้ Esomeprazole อาจบดบังอาการของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ทำให้การวินิจฉัยล่าช้า หากมีอาการไม่ดีขึ้นหลังใช้ยา หรือมีอาการน่าสงสัย เช่น น้ำหนักลดผิดปกติ อาเจียนเป็นเลือด ควรรีบไปพบแพทย์
ผู้ป่วยโรคตับรุนแรง: ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและปรับลดขนาดยา
อาการที่ต้องเฝ้าระวังและควรพบแพทย์ทันที:
อาการที่บ่งชี้ถึงภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ: เช่น กล้ามเนื้อกระตุก, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ชัก
อาการที่บ่งชี้ถึงภาวะกระดูกหัก: เช่น ปวดกระดูกอย่างรุนแรง
อาการที่บ่งชี้ถึงภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร: อาเจียนเป็นเลือด, ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายยางมะตอย
อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, บวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือคอ, หายใจลำบาก (เป็นภาวะฉุกเฉิน)
อาการผิดปกติของตับ: ตัวเหลือง, ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, ปวดท้องด้านขวาบน
การตรวจพิเศษ:
หากใช้ยาเป็นเวลานาน (เกิน 1 ปี) แพทย์อาจพิจารณาตรวจระดับวิตามิน B12 และแมกนีเซียมในเลือด
อาจมีการตรวจการทำงานของตับในผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคตับ
Esomeprazole มีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ได้บางชนิด เนื่องจากยาจะถูกเผาผลาญโดยเอนไซม์ในตับ และส่งผลต่อค่า pH ในกระเพาะอาหาร สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ
ยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:
Clopidogrel: การใช้ร่วมกับ Esomeprazole อาจลดประสิทธิภาพของ Clopidogrel ในการป้องกันลิ่มเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองหรือหัวใจวาย
ยาต้านไวรัส HIV: เช่น Nelfinavir, Atazanavir, Rilpivirine ยา Esomeprazole อาจลดการดูดซึมของยาเหล่านี้ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
Warfarin: Esomeprazole อาจเพิ่มระดับ Warfarin ในเลือดเล็กน้อย ควรมีการติดตามค่า INR อย่างใกล้ชิด
Phenytoin, Digoxin: Esomeprazole อาจเพิ่มระดับยาเหล่านี้ในเลือดได้ ควรติดตามระดับยา
Methotrexate: การใช้ Esomeprazole ร่วมกับ Methotrexate ในปริมาณสูงอาจเพิ่มระดับ Methotrexate และเพิ่มความเสี่ยงของพิษ
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักไม่รุนแรงและหายเอง):
ปวดศีรษะ
ท้องเสีย
คลื่นไส้, ปวดท้อง, ท้องอืด
ปากแห้ง
เวียนศีรษะ
ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:
ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (Hypomagnesemia)
ภาวะกระดูกหัก (จากใช้เป็นเวลานาน)
ภาวะไตอักเสบ (Interstitial Nephritis) (พบน้อยมาก)
ภาวะชัก (Seizures)
ปฏิกิริยาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษทั่วตัว, บวม, หายใจลำบาก
ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร: (พบน้อย)
หากพบอาการรุนแรง หรืออาการที่น่ากังวล ควรรีบหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
หากได้รับ Esomeprazole เกินขนาด อาจเกิดอาการไม่สบายท้อง, อ่อนเพลีย, หรือสับสน วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที การรักษาจะเน้นที่การดูแลตามอาการและประคับประคอง
Esomeprazole มักรับประทานวันละครั้ง:
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้
หากใกล้ถึงเวลาของยาครั้งถัดไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานตามตารางปกติ
ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อชดเชยยาที่ลืมเด็ดขาด:
เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง: ประมาณ 20-25°C (68-77°F) หรือตามที่ระบุบนฉลากยา
เก็บในที่แห้งและพ้นจากแสงแดดโดยตรง:
เก็บในภาชนะบรรจุเดิมที่ปิดสนิท:
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง:
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยาเสมอ: ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว
สตรีมีครรภ์: Esomeprazole จัดอยู่ใน Pregnancy Category C (จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบผลข้างเคียง แต่ไม่มีข้อมูลเพียงพอในมนุษย์) ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อจำเป็นจริงๆ และอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
การให้นมบุตร: ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า Esomeprazole ผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรขณะใช้ยานี้
Esomeprazole เป็นยาในกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดกรดในกระเพาะอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ภาวะกรดไหลย้อน และภาวะหลั่งกรดเกิน ด้วยกลไกการยับยั้งเอนไซม์ Proton Pump โดยตรง ทำให้ยามีฤทธิ์ที่แรงและยาวนาน อย่างไรก็ตาม การใช้ Esomeprazole จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว การทำความเข้าใจข้อบ่งใช้ ข้อควรระวัง และผลข้างเคียง รวมถึงผลจากการใช้ยาในระยะยาว จะช่วยให้คุณใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุด
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ
วันที่เผยแพร่: 1 สิงหาคม 2568, 11:30 น. ผู้เขียน: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ที่มา: SiamHealth.net
ยาน้ำแก้โรคกระเพาะ | ยาระบาย | ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน | ยา cisapride | ยา hyocyamine | ยาแก้กระเพาะกลุ่ม PPI | ยาขับลม | sucralfate | ranitidine | nizatidine | cimetidine | famotidine | ยาแก้ท้องเสีย | Esomeprazole | lansoprazole | Omeprazole | Misoprostol