หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสำคัญเกี่ยวกับยา Cimetidine (ไซเมทิดีน) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการลดกรดในกระเพาะอาหาร จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ป่วยและบุคคลทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานี้ สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย และทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวังต่างๆ ที่สำคัญ การมีความรู้เกี่ยวกับยาที่คุณใช้จะช่วยให้คุณจัดการกับอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Cimetidine (ไซเมทิดีน) เป็นยาในกลุ่ม H2-receptor antagonists (H2RAs) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "H2 blockers" ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ยานี้ใช้สำหรับรักษาและป้องกันอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรดในกระเพาะอาหารที่มากเกินไป เช่น แผลในกระเพาะอาหาร, แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น, ภาวะกรดไหลย้อน (GERD), และภาวะหลั่งกรดเกิน (เช่น Zollinger-Ellison Syndrome) Cimetidine เป็นยา H2 blocker ตัวแรกที่ถูกค้นพบและนำมาใช้ทางการแพทย์ มีจำหน่ายทั้งในรูปแบบยาเม็ดรับประทาน, ยาน้ำ, และยาฉีด ชื่อทางการค้าที่คุ้นเคย เช่น Tagamet เป็นต้น
กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดไฮโดรคลอริกออกมาเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร แต่กรดที่มากเกินไปสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเยื่อบุกระเพาะได้ Cimetidine ออกฤทธิ์หลักโดย:
ยับยั้งตัวรับ H2 (Histamine H2-receptors): ที่อยู่บนเซลล์ชนิดหนึ่งในกระเพาะอาหารที่เรียกว่า Parietal cells ซึ่งทำหน้าที่หลั่งกรด ตัวรับ H2 นี้จะถูกกระตุ้นโดยสาร Histamine ทำให้เกิดการหลั่งกรด
ลดการหลั่งกรด: เมื่อ Cimetidine เข้าไปจับและยับยั้งตัวรับ H2 นี้ Histamine ก็จะไม่สามารถกระตุ้นการหลั่งกรดได้ ทำให้การผลิตกรดในกระเพาะอาหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งกรดที่หลั่งออกมาในสภาวะปกติ (basal acid secretion) และกรดที่หลั่งออกมาหลังอาหาร (stimulated acid secretion)
ช่วยให้แผลหายและบรรเทาอาการ: การลดปริมาณกรดจะช่วยลดการระคายเคืองของแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ และช่วยให้เยื่อบุที่เสียหายมีโอกาสฟื้นตัวและหายจากแผลได้
Cimetidine ใช้รักษาและป้องกันภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรดในกระเพาะอาหาร:
แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal Ulcer): ใช้เวลารักษา 4 สัปดาห์ โดยมากไม่เกิน 8 สัปดาห์ ขนาดยาที่ใช้รักษามีตั้งแต่ 400-1600 มิลลิกรัมต่อวัน แต่โดยทั่วไปให้เริ่มต้นที่ 800 มิลลิกรัมก่อนนอนวันละครั้ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่แผลจะหายใน 1-2 สัปดาห์
การป้องกันการเกิดแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น: อาจต้องให้นานถึง 5 ปี โดยให้วันละ 400 มิลลิกรัมก่อนนอน
แผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer): โดยมากรักษาไม่เกิน 8 สัปดาห์ ให้ขนาด 800 มิลลิกรัมก่อนนอน หรือ 300 มิลลิกรัมวันละ 4 ครั้ง
ภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease - GERD):
กรณีมีหลอดอาหารอักเสบร่วมด้วย: ให้รักษานาน 12 สัปดาห์ ต้องให้ยา Cimetidine วันละ 1600 มิลลิกรัม โดยแบ่งให้ 800 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง หรือ 400 มิลลิกรัมวันละ 4 ครั้ง
ใช้บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก (Heartburn) และอาการอาหารไม่ย่อย (Indigestion):
ภาวะหลั่งกรดเกิน (Pathological Hypersecretory Conditions): เช่น Zollinger-Ellison Syndrome ให้ 300 มิลลิกรัมวันละ 4 ครั้ง หรือปรับเพิ่มขนาดยาตามการตอบสนอง
ป้องกันเลือดออกทางเดินอาหาร: มักให้เป็นยาฉีด
ภาวะปอดอักเสบจากการสำลักกรด (Aspiration Pneumonitis): ใช้เพื่อป้องกันการสำลักกรดในกระเพาะอาหารเข้าปอด (Mendelson's syndrome) ก่อนการให้ยาสลบ
Cimetidine มีจำหน่ายหลายรูปแบบและความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับข้อบ่งใช้และสภาพของผู้ป่วย:
ก. ยาเม็ดรับประทาน (Oral Tablets):
สำหรับแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น: 800 มก. วันละครั้งก่อนนอน หรือ 400 มก. วันละ 2 ครั้ง (เช้า-ก่อนนอน) หรือ 300 มก. วันละ 4 ครั้ง (พร้อมอาหารและก่อนนอน)
สำหรับแผลในกระเพาะอาหาร: 800 มก. วันละครั้งก่อนนอน
สำหรับภาวะกรดไหลย้อน (GERD): 400 มก. วันละ 2 ครั้ง หรือ 800 มก. วันละครั้งก่อนนอน
สำหรับภาวะหลั่งกรดเกิน: เริ่มต้น 300 มก. วันละ 4 ครั้ง
สำหรับการบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย/แสบร้อนกลางอกชั่วคราว (OTC): 200 มก. เมื่อมีอาการ ไม่ควรรับประทานเกิน 2 เม็ดใน 24 ชั่วโมง
ข. ยาน้ำ (Oral Solution):
ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ดได้ หรือในเด็ก (ปรับขนาดตามน้ำหนักตัวและคำแนะนำของแพทย์) โดยทั่วไปให้รับประทานครั้งละ 1-2 ครั้ง และให้ดื่มน้ำตาม 1 แก้ว
ให้รับประทานยา Cimetidine ก่อนรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดอาการแน่นท้องครึ่งชั่วโมง
ค. ยาฉีด (Intravenous - IV / Intramuscular - IM):
ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้ หรือในภาวะเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง (บริหารโดยบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเท่านั้น)
วิธีการใช้ยา:
สามารถรับประทานยาพร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้ แต่การรับประทานพร้อมอาหารอาจช่วยลดอาการไม่สบายท้อง
รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน (หากรับประทานเป็นประจำ)
หากซื้อยารับประทานเอง ไม่ควรใช้ยาเกิน 2 สัปดาห์ หากอาการไม่ดีขึ้นให้ปรึกษาแพทย์
ไม่ควรรับประทานยาลดกรด (Antacid) ภายใน 1 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังรับประทาน Cimetidine เนื่องจากยาลดกรดอาจลดการดูดซึมของ Cimetidine
หมายเหตุ: ขนาดยาและวิธีการใช้จะถูกกำหนดโดยแพทย์ผู้รักษาตามสภาพอาการและอายุของผู้ป่วย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด
แจ้งให้แพทย์และเภสัชทราบเรื่องประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Cimetidine หรือยาในกลุ่ม H2RAs อื่นๆ (เช่น Ranitidine, Famotidine) หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาหรือไม่ รวมถึงประวัติการแพ้ยาอื่นๆ เช่น Sulfa หรือแพ้อาหาร, สี, สารกันเสีย
แจ้งชื่อยาที่ท่านรับประทานอยู่: ทั้งวิตามิน, ยาที่ท่านซื้อเอง, สมุนไพร, และยาที่แพทย์สั่ง โดยเฉพาะยาดังต่อไปนี้ (แพทย์จะได้ปรับยาและเฝ้าติดตามผลข้างเคียงของยา):
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด Warfarin (Coumadin)
ยาต้านโรคซึมเศร้ากลุ่ม Tricyclic Antidepressants (เช่น Amitriptyline, Amoxapine, Clomipramine, Desipramine, Doxepin, Imipramine, Nortriptyline, Protriptyline, Trimipramine)
ยาคลายเครียด (เช่น Chlordiazepoxide, Diazepam)
Clopidogrel
Lidocaine
Metronidazole
Nifedipine
Propranolol
Phenytoin (Dilantin)
Theophylline
ควรรับประทานยาน้ำแก้โรคกระเพาะอาหาร (Antacid) หรือยา Digoxin หรือยา Ketoconazole หรือธาตุเหล็ก ก่อนรับประทานยา Cimetidine อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
แจ้งแพทย์หากท่านป่วยด้วยโรคตับ (Liver disease) หรือโรคไต (Kidney disease) และโรคเอดส์:
แจ้งแพทย์หากท่านมีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์ หรือเลี้ยงลูกด้วยนมแม่:
หากท่านอายุมากกว่า 65 ปี: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ เนื่องจากอาจมีความไวต่อผลข้างเคียงของยา
หากเกิดอาการต่อไปนี้ ให้ หยุดยาโดยทันทีและไปโรงพยาบาลทันที:
อาการแพ้ยาชนิดรุนแรง:
มีผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, ผื่นคัน, บวมใบหน้า, บวมริมฝีปาก, ลิ้นและคอ, เสียงแหบ, จุกปาก, จุกคอ, หายใจลำบาก, หายใจมีเสียงหวีด
ปฏิกิริยาเหล่านี้มักจะสัมพันธ์กับขนาดของยาที่ใช้ (ยิ่งขนาดยาสูงยิ่งมีโอกาสเกิด)
อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือด:
หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดจังหวะ, หัวใจเต้นช้าผิดปกติ
ความดันโลหิตต่ำรุนแรง, หน้ามืดจะเป็นลม
อาการผิดปกติทางระบบประสาทที่รุนแรง:
สับสน, ซึม, ประสาทหลอน, หูแว่ว, กระวนกระวาย, หงุดหงิด (โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องหกล้ม และการติดเชื้อในปอดได้)
ซึมเศร้า
อาการผิดปกติของตับ:
เป็นดีซ่าน (ตัวเหลือง, ตาเหลือง), ปัสสาวะเข้ม
อ่อนเพลีย, เบื่ออาหาร
อาการผิดปกติของเลือด:
มีจ้ำเลือดตามตัว, เลือดออกง่ายผิดปกติ, อ่อนเพลีย (อาจบ่งชี้ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือเม็ดเลือดขาวต่ำ)
อาการทางระบบหายใจ:
มีไข้, ไอ, แน่นหน้าอก, หรือหายใจลำบาก (ไม่รวมอาการที่เกิดจากโรคหอบหืดเดิม)
อาการทางไต:
ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
ผิวหนัง:
มีตุ่มพองที่ผิวหนัง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักไม่รุนแรงและหายเอง):
ปวดศีรษะ
ท้องร่วง (ท้องเสีย)
มึนงง
ซึม (ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มสุรา หรือขับรถ และทำงานกับเครื่องจักร)
ท้องผูก
คลื่นไส้
ปวดกล้ามเนื้อ
ผื่นขึ้น (4%) คัน (3%) ลมพิษ
ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่พบน้อยแต่ต้องสังเกต:
เต้านมโต (Gynecomastia) หรือเต้านมคัด/ตึงหัวนมเล็กน้อยในผู้ชายบางราย: พบได้เมื่อใช้ยาในขนาดสูงและเป็นเวลานาน เมื่อหยุดยาอาการจะหายไป
ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย: พบได้ในผู้ชายบางรายที่ได้รับยาในขนาดสูง เมื่อลดขนาดยาอาการดังกล่าวจะหายไป
อาการข้างเคียงที่พบบ่อย (เช่น ปวดศีรษะ, ท้องเสีย, มึนงง, ผื่นขึ้นเล็กน้อย): หากอาการไม่รุนแรง สามารถสังเกตอาการต่อไปได้ แต่หากรบกวนการใช้ชีวิต หรือไม่หายไป ควรปรึกษาแพทย์
อาการข้างเคียงที่เป็นอันตราย (ตามที่ระบุในหัวข้อ 6): ให้หยุดยาโดยทันทีและพบแพทย์หรือไปโรงพยาบาลทันที
Cimetidine มีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ หลายชนิด เนื่องจากยา Cimetidine เป็นยาที่ยับยั้งเอนไซม์ Cytochrome P450 (CYP450) ในตับ ซึ่งทำหน้าที่เผาผลาญยาหลายชนิด ทำให้ระดับยาอื่นๆ ในเลือดสูงขึ้น สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ แพทย์จะได้ปรับยาและเฝ้าติดตามผลข้างเคียงของยา
ยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ (อาจเพิ่มระดับยาอื่นจนเกิดพิษ):
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: เช่น Warfarin (Coumadin) (เพิ่มความเสี่ยงเลือดออก)
ยาต้านโรคซึมเศร้ากลุ่ม Tricyclic Antidepressants (TCAs): เช่น Amitriptyline, Amoxapine, Clomipramine, Desipramine, Doxepin, Imipramine, Nortriptyline, Protriptyline, Trimipramine
ยาคลายเครียดกลุ่ม Benzodiazepines: เช่น Chlordiazepoxide, Diazepam
Clopidogrel:
Lidocaine:
Metronidazole:
Nifedipine:
Propranolol:
Phenytoin (Dilantin):
Theophylline:
Digoxin:
ยาคุมกำเนิด
ยาปฏิชีวนะบางชนิด: เช่น Erythromycin, Clarithromycin, Ciprofloxacin, Ketoconazole
ยาที่ Cimetidine อาจลดประสิทธิภาพ/การดูดซึม:
Ketoconazole, Digoxin, ธาตุเหล็ก: ควรรับประทานยาลดกรดนี้ห่างจากยาเหล่านี้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
Cimetidine มักรับประทานวันละ 1, 2 หรือ 4 ครั้ง
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้
หากใกล้ถึงเวลาของยาครั้งถัดไปแล้ว (เช่น เหลือเวลาน้อยกว่า 4-6 ชั่วโมงก่อนมื้อถัดไป) ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานตามตารางปกติ
ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อชดเชยยาที่ลืมเด็ดขาด: เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากได้รับ Cimetidine เกินขนาด อาจเกิดอาการง่วงซึม, สับสน, หัวใจเต้นช้าหรือเร็วผิดปกติ, ความดันโลหิตต่ำ วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที การรักษาจะเน้นที่การดูแลตามอาการและประคับประคอง
เก็บยาในภาชนะที่บรรจุมา ปิดให้สนิท และพ้นมือเด็ก:
เก็บที่อุณหภูมิห้อง: ประมาณ 15-30°C (59-86°F) หรือตามที่ระบุบนฉลากยา
เก็บในที่แห้ง ไม่ถูกความร้อนและแสงโดยตรง:
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยาเสมอ: ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว
สตรีมีครรภ์: Cimetidine จัดอยู่ใน Pregnancy Category B (จากการศึกษาในสัตว์ทดลองไม่พบความเสี่ยง) และถือว่าค่อนข้างปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์เมื่อใช้ตามข้อบ่งใช้และภายใต้การดูแลของแพทย์
การให้นมบุตร: Cimetidine ถูกขับออกทางน้ำนมแม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรขณะใช้ยานี้ เนื่องจากอาจส่งผลต่อทารกได้
Cimetidine เป็นยา H2-receptor antagonist ที่มีประสิทธิภาพในการลดกรดในกระเพาะอาหาร ใช้รักษาและป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร ภาวะกรดไหลย้อน และภาวะหลั่งกรดเกิน กลไกการยับยั้งตัวรับ H2 ทำให้การหลั่งกรดลดลง ช่วยบรรเทาอาการและส่งเสริมการหายของแผล อย่างไรก็ตาม การใช้ Cimetidine จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการระวังปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ หลายชนิด และการปรับขนาดยาในผู้ป่วยโรคไตหรือตับ การทำความเข้าใจข้อบ่งใช้ ข้อควรระวัง และผลข้างเคียง จะช่วยให้คุณใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุด
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ
วันที่เผยแพร่: 31 กรกฎาคม 2568, 19:45 น.ผู้เขียน: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ที่มา: SiamHealth.net
ยาน้ำแก้โรคกระเพาะ | ยาระบาย | ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน | ยา cisapride | ยา hyocyamine | ยาแก้กระเพาะกลุ่ม PPI | ยาขับลม | sucralfate | ranitidine | nizatidine | cimetidine | famotidine | ยาแก้ท้องเสีย | Esomeprazole | lansoprazole | Omeprazole | Misoprostol