หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
วันที่เผยแพร่: 1 สิงหาคม 2568, 12:00 น. ผู้เขียน: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ที่มา: SiamHealth.net
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสำคัญเกี่ยวกับยา Famotidine (ฟามอทิดีน) ซึ่งเป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหารที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ป่วยและบุคคลทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานี้ สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย และทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวังต่างๆ ที่สำคัญ การมีความรู้เกี่ยวกับยาที่คุณใช้จะช่วยให้คุณจัดการกับอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Famotidine (ฟามอทิดีน) เป็นยาในกลุ่ม H2-receptor antagonists (H2RAs) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "H2 blockers" ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ยานี้ใช้สำหรับรักษาและป้องกันอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรดในกระเพาะอาหารที่มากเกินไป เช่น แผลในกระเพาะอาหาร, แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น, ภาวะกรดไหลย้อน (GERD), และภาวะหลั่งกรดเกิน (เช่น Zollinger-Ellison Syndrome) Famotidine เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในกลุ่ม H2RAs และมีผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับยา H2RAs รุ่นเก่าอย่าง Cimetidine ชื่อทางการค้าที่คุ้นเคย เช่น Pepcid, Pepcid AC เป็นต้น Famotidine มีจำหน่ายทั้งชนิดที่ต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์และชนิดที่สามารถซื้อได้เองทั่วไป (Over-The-Counter - OTC)
กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดไฮโดรคลอริกออกมาเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร แต่กรดที่มากเกินไปสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเยื่อบุกระเพาะได้ Famotidine ออกฤทธิ์หลักโดย:
ยับยั้งตัวรับ H2 (Histamine H2-receptors): ที่อยู่บนเซลล์ชนิดหนึ่งในกระเพาะอาหารที่เรียกว่า Parietal cells ซึ่งทำหน้าที่หลั่งกรด ตัวรับ H2 นี้จะถูกกระตุ้นโดยสาร Histamine ทำให้เกิดการหลั่งกรด
ลดการหลั่งกรด: เมื่อ Famotidine เข้าไปจับและยับยั้งตัวรับ H2 นี้ Histamine ก็จะไม่สามารถกระตุ้นการหลั่งกรดได้ ทำให้การผลิตกรดในกระเพาะอาหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งกรดที่หลั่งออกมาในสภาวะปกติ (basal acid secretion) และกรดที่หลั่งออกมาหลังอาหาร (stimulated acid secretion)
ช่วยให้แผลหายและบรรเทาอาการ: การลดปริมาณกรดจะช่วยลดการระคายเคืองของแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ และช่วยให้เยื่อบุที่เสียหายมีโอกาสฟื้นตัวและหายจากแผลได้
Famotidine ใช้รักษาและป้องกันภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรดในกระเพาะอาหาร:
แผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer) และแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal Ulcer): ใช้เพื่อลดกรดและช่วยให้แผลหาย
ภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease - GERD): ใช้บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกและอาการอื่นๆ ที่เกิดจากกรดไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร
ภาวะหลั่งกรดเกิน (Pathological Hypersecretory Conditions): เช่น Zollinger-Ellison Syndrome ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายหลั่งกรดออกมามากผิดปกติ
อาการอาหารไม่ย่อย (Indigestion) และแสบร้อนกลางอก (Heartburn): ใช้บรรเทาอาการที่เกิดจากกรดเกิน โดยเฉพาะยา Famotidine ที่มีจำหน่ายแบบ OTC (ทั่วไป)
Famotidine มีจำหน่ายหลายรูปแบบและความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับข้อบ่งใช้และสภาพของผู้ป่วย:
ก. ยาเม็ดรับประทาน (Oral Tablets) / ยาน้ำ:
สำหรับแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น: 40 มก. วันละครั้งก่อนนอน หรือ 20 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4-8 สัปดาห์
สำหรับแผลในกระเพาะอาหาร: 40 มก. วันละครั้งก่อนนอน เป็นเวลา 8 สัปดาห์
สำหรับภาวะกรดไหลย้อน (GERD): 20 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์
สำหรับภาวะหลั่งกรดเกิน (Zollinger-Ellison Syndrome): เริ่มต้น 20 มก. ทุก 6 ชั่วโมง อาจปรับเพิ่มขนาดยาตามการตอบสนอง
สำหรับการบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย/แสบร้อนกลางอกชั่วคราว (OTC): 10-20 มก. เมื่อมีอาการ ไม่เกิน 2 เม็ดใน 24 ชั่วโมง
ข. ยาฉีด (Intravenous - IV):
ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้ หรือในภาวะเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง (บริหารโดยบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเท่านั้น)
วิธีการใช้ยา:
สามารถรับประทานยาพร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้
รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน (หากรับประทานเป็นประจำ)
ไม่ควรใช้ยาลดกรด (Antacid) ภายใน 1 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังรับประทาน Famotidine เนื่องจากยาลดกรดอาจลดการดูดซึมของ Famotidine
ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ (สำหรับยา OTC) หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์
หมายเหตุ: ขนาดยาและวิธีการใช้จะถูกกำหนดโดยแพทย์ผู้รักษาตามสภาพอาการและอายุของผู้ป่วย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด
การแจ้งข้อมูลสุขภาพของคุณอย่างครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Famotidine คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับ:
ประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Famotidine หรือยาในกลุ่ม H2RAs อื่นๆ (เช่น Ranitidine, Cimetidine) หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาหรือไม่
โรคประจำตัวอื่นๆ: โดยเฉพาะ
โรคไต (Kidney disease) หรือตับ (Liver disease) ที่รุนแรง: อาจต้องปรับขนาดยา
ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง:
ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร:
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์:
การให้นมบุตร:
ยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรอื่นๆ ที่กำลังใช้: รวมถึงยาที่ซื้อเอง โดยเฉพาะยาที่ต้องการกรดในกระเพาะเพื่อการดูดซึม (เช่น ยาต้านเชื้อราบางชนิด)
ควรใช้ Famotidine ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยบางราย:
ผู้ป่วยโรคไตหรือตับบกพร่องรุนแรง: ควรปรับลดขนาดยา เนื่องจากยาถูกขับออกทางไต
ผู้สูงอายุ: โดยทั่วไป Famotidine เป็นยาที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ แต่ก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและติดตามอาการ
การบดบังอาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร: การใช้ Famotidine อาจบดบังอาการของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ทำให้การวินิจฉัยล่าช้า หากมีอาการไม่ดีขึ้นหลังใช้ยา หรือมีอาการน่าสงสัย เช่น น้ำหนักลดผิดปกติ อาเจียนเป็นเลือด หรือกลืนลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์
การใช้เป็นเวลานาน: การใช้ยาติดต่อกันนานเกินไป (สำหรับยา OTC ไม่ควรเกิน 2 สัปดาห์) โดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์อาจบ่งบอกถึงปัญหาที่รุนแรงกว่า ควรปรึกษาแพทย์
อาการที่ต้องเฝ้าระวังและควรพบแพทย์ทันที:
อาการผิดปกติของตับ: ตัวเหลือง, ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, อุจจาระสีซีด, ปวดท้องด้านขวาบน
อาการของภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร: อาเจียนเป็นเลือด, ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายยางมะตอย
อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, บวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือคอ, หายใจลำบาก (เป็นภาวะฉุกเฉิน)
อาการอื่นๆ ที่น่ากังวล: เช่น อ่อนเพลียผิดปกติ, ปวดศีรษะรุนแรง
โดยทั่วไป Famotidine ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษใดๆ ระหว่างการใช้ยาเป็นประจำ
Famotidine มีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ น้อยกว่ายา H2RAs รุ่นเก่าอย่าง Cimetidine แต่ก็ยังมีปฏิกิริยาที่ต้องระวัง:
ยาลดกรด (Antacids): ควรรับประทานยาลดกรดห่างจาก Famotidine อย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ลดการดูดซึมของ Famotidine
ยาที่ต้องการกรดในกระเพาะเพื่อการดูดซึม: Famotidine จะลดกรด ทำให้ยาเหล่านี้ดูดซึมได้ไม่ดี (เช่น ยาต้านเชื้อราบางชนิด เช่น Ketoconazole, Itraconazole)
ยาที่ยับยั้งเอนไซม์ในตับ (CYP450): Famotidine ไม่ได้ยับยั้งเอนไซม์ CYP450 อย่างมีนัยสำคัญเหมือน Cimetidine จึงมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ น้อยกว่า
สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักไม่รุนแรงและหายเอง):
ปวดศีรษะ
ท้องผูก หรือท้องเสีย
คลื่นไส้
เวียนศีรษะ
ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:
ภาวะตับทำงานผิดปกติ: (อาการตัวเหลือง ตาเหลือง)
ปฏิกิริยาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, บวม, หายใจลำบาก
ภาวะทางระบบประสาท: สับสน, ประสาทหลอน (พบน้อยมาก)
ภาวะเม็ดเลือดผิดปกติ: เช่น เม็ดเลือดขาวต่ำ, เกล็ดเลือดต่ำ (พบน้อยมาก)
หากพบอาการรุนแรง หรืออาการที่น่ากังวล ควรรีบหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
หากได้รับ Famotidine เกินขนาด อาจเกิดอาการไม่สบายท้อง, อ่อนเพลีย, หรือสับสน วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที การรักษาจะเน้นที่การดูแลตามอาการและประคับประคอง
Famotidine มักรับประทานวันละครั้งหรือสองครั้ง
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้
หากใกล้ถึงเวลาของยาครั้งถัดไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานตามตารางปกติ
ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อชดเชยยาที่ลืมเด็ดขาด:
เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง: ประมาณ 20-25°C (68-77°F) หรือตามที่ระบุบนฉลากยา
เก็บในที่แห้งและพ้นจากแสงแดดโดยตรง:
เก็บในภาชนะบรรจุเดิมที่ปิดสนิท:
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง:
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยาเสมอ: ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว
สตรีมีครรภ์: Famotidine จัดอยู่ใน Pregnancy Category B (จากการศึกษาในสัตว์ทดลองไม่พบความเสี่ยง) และถือว่าค่อนข้างปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์เมื่อใช้ตามข้อบ่งใช้และภายใต้การดูแลของแพทย์
การให้นมบุตร: Famotidine ถูกขับออกทางน้ำนมแม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรขณะใช้ยานี้ เนื่องจากอาจส่งผลต่อทารกได้ แต่โดยทั่วไปถือว่าความเสี่ยงน้อยกว่า Cimetidine
Famotidine เป็นยาในกลุ่ม H2-receptor antagonists ที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดกรดในกระเพาะอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ภาวะกรดไหลย้อน และภาวะหลั่งกรดเกิน ด้วยฤทธิ์ที่แรงและมีผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับยา H2RAs รุ่นเก่า ทำให้เป็นยาที่ปลอดภัยและใช้กันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม การใช้ Famotidine จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการระวังปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่น และการปรึกษาแพทย์หากมีอาการต่อเนื่องหรือรุนแรง การทำความเข้าใจข้อบ่งใช้ ข้อควรระวัง และผลข้างเคียง จะช่วยให้คุณใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุด
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ
ยาน้ำแก้โรคกระเพาะ | ยาระบาย | ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน | ยา cisapride | ยา hyocyamine | ยาแก้กระเพาะกลุ่ม PPI | ยาขับลม | sucralfate | ranitidine | nizatidine | cimetidine | famotidine | ยาแก้ท้องเสีย | Esomeprazole | lansoprazole | Omeprazole | Misoprostol