หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
Misoprostol (ไมโซพรอสทอล) เป็นยาในกลุ่ม Prostaglandin Analogs ที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน prostaglandin ในร่างกาย ยานี้มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรักษาภาวะที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารและระบบสืบพันธุ์ แต่เป็นยาที่มีข้อควรระวังในการใช้อย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตราย โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์
Misoprostol เป็นยาที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อเลียนแบบการทำงานของ prostaglandin E1 ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากกรด และช่วยให้มดลูกบีบตัว ยานี้ถูกใช้ในทางการแพทย์ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ยา Misoprostol ออกฤทธิ์ได้สองทางหลัก:
ต่อระบบทางเดินอาหาร:
ปกป้องเยื่อบุในกระเพาะอาหาร: ยาจะเพิ่มการหลั่งเมือกและไบคาร์บอเนต (bicarbonate) ซึ่งช่วยเคลือบและปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารจากกรด
ลดการหลั่งกรด: ยาจะไปยับยั้งการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งช่วยลดการระคายเคืองและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
ต่อระบบสืบพันธุ์:
ทำให้ปากมดลูกนิ่มและเปิด: ยาจะกระตุ้นให้ปากมดลูกคลายตัวและเปิดออก
กระตุ้นการบีบตัวของมดลูก: ยาจะทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหดตัวอย่างรุนแรง
Misoprostol มีข้อบ่งใช้หลักที่สำคัญดังนี้:
ป้องกันแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก: ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับประทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เป็นเวลานาน
การทำแท้งทางการแพทย์: ใช้ร่วมกับยาอื่น (เช่น Mifepristone) เพื่อยุติการตั้งครรภ์
กระตุ้นการคลอด: ในบางกรณีที่ปากมดลูกไม่เปิด หรือมีการคลอดที่ช้า
รักษาภาวะตกเลือดหลังคลอด: ช่วยให้มดลูกหดตัวเพื่อหยุดการตกเลือด
รักษาภาวะแท้งบุตรที่ไม่สมบูรณ์: ช่วยขับเนื้อเยื่อที่เหลืออยู่ในมดลูกออกมา
ขนาดที่ใช้: ขึ้นอยู่กับข้อบ่งใช้และดุลยพินิจของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น
ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร: โดยทั่วไปใช้ขนาด 200 ไมโครกรัม (มคก.) วันละ 4 ครั้ง หรือตามที่แพทย์สั่ง
การเหน็บยาเพื่อกระตุ้นการคลอด: ใช้ขนาด 25 มคก. ทุก 3-6 ชั่วโมง
วิธีการใช้ยา:
รับประทาน: ยาเม็ด Misoprostol สามารถรับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารได้
เหน็บช่องคลอด: สำหรับการกระตุ้นการคลอดหรือการทำแท้งทางการแพทย์
ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด: การใช้ยาเกินขนาดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต
เนื่องจาก Misoprostol เป็นยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรง จึงมีข้อควรระวังที่สำคัญมาก:
สิ่งสำคัญที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกร:
ประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Misoprostol หรือยาอื่น ๆ ในกลุ่ม prostaglandin
การตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าอาจจะตั้งครรภ์: ห้ามใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ ยกเว้นกรณีการทำแท้งหรือกระตุ้นการคลอดภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะยาจะทำให้มดลูกบีบตัวจนเกิดการแท้งได้
การให้นมบุตร: ยานี้อาจผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้
โรคประจำตัว: เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคตับ, โรคไต, โรคลมชัก, หรือความดันโลหิตสูง
ยาอื่น ๆ ที่กำลังใช้: โดยเฉพาะยาลดกรดที่มีแมกนีเซียม
ข้อห้ามและข้อควรระวังพิเศษ:
ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์: ยาอาจทำให้เกิดภาวะแท้งบุตร, คลอดก่อนกำหนด, หรือทารกในครรภ์พิการได้
ผู้ที่แพ้ยา: ห้ามใช้ยาเด็ดขาด
ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด: ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนใช้
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักไม่รุนแรง)
ท้องเสีย, ปวดท้อง, ท้องอืด
คลื่นไส้, อาเจียน
ปวดศีรษะ
อาการอันตรายที่ต้องหยุดยาและรีบพบแพทย์ทันที
เลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ: หรือปวดท้องรุนแรง
อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก ใบหน้าหรือคอบวม
อาการแท้งบุตร: มีเลือดออกและปวดท้องอย่างรุนแรง (หากใช้ยานี้โดยไม่ตั้งใจ)
ภาวะมดลูกแตก (Uterine Rupture): เป็นผลข้างเคียงที่รุนแรงมากจากการกระตุ้นมดลูก
เก็บยาในภาชนะเดิมที่ปิดสนิท
เก็บที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสงแดดและความชื้น
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ทุกครั้ง
สรุป
Misoprostol เป็นยาที่มีประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมาก แต่เป็นยาที่ต้องใช้อย่างระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น โดยเฉพาะในสตรีวัยเจริญพันธุ์ การใช้ยาผิดวิธีอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่รุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้ป่วยควรแจ้งข้อมูลสุขภาพของตนเองอย่างครบถ้วนแก่แพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ
ยาน้ำแก้โรคกระเพาะ | ยาระบาย | ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน | ยา cisapride | ยา hyocyamine | ยาแก้กระเพาะกลุ่ม PPI | ยาขับลม | sucralfate | ranitidine | nizatidine | cimetidine | famotidine | ยาแก้ท้องเสีย | Esomeprazole | lansoprazole | Omeprazole | Misoprostol