กลุ่มที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินเอ
การวินิจฉัย
โรคนี้จะวินิจฉัยเมื่อเกิดอาการของโรคแล้วเท่านั้น สำหรับกลุ่มเสี่ยงเช่นสงสัยว่าจะขาดสารอาหาร หรือมีโรคท้องร่วงเรื้อรัง เราอาจจะเจาะเลือดตรวจหาระดับวิตามินเอ Plasma retinol ค่าปกติอยู่ระหว่าง 20-80 µg/dL ผู้ที่มีค่าอยู่ระหว่าง 10-19 ถือว่ามีค่าต่ำ ส่วนผู้ที่มีค่าน้อยกว่า 10 µg/dL ถือว่าขาดวิตามินเอ
การป้องกัน
สำหรับกลุ่มที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินเอให้รับประทานอาหารที่มีวิตามินเอสูงได้แก่ ไก่ ไข่ นม ตับ มะม่วง ผักใบเขียว สำหรับคนที่ขาดวิตามินเอก็ให้รับประทานวิตามิน
-
เด็กอายุน้อยกว่า 3 ขวบให้วิตามินเอ 600 mcg (2000 IU)
-
เด็กอายุ 4-8 ขวบให้ 900 mcg (3000 IU)
-
เด็กอายุ 9-13 ขวบให้ 1700 mcg (5665 IU)
-
เด็กอายุ 14-18 ขวบให้ 2800 mcg (9335 IU)
-
ผู้ใหญ่ให้ 3000 mcg (10,000 IU)
ใครควรได้รับวิตามินเอเสริม
- องค์การอนามัยโลกแนะนำให้วิตามินเอเสริมแก่เด็กที่เป็นดรคหัดที่มาจากถิ่นที่มีการขาดวิตามินเอ
- โรค Celiac disease
- Crohn's disease
- โรคตับอ่อนเรื้อรังทำให้มีอาการท้องร่วง
วิตามินเอ | โรคขาดวิตามินเอ | การวินิจฉัยและการรักษาโรคขาดวิตามินเอ | ต่อหน้าที่ 2
วิตามินเอ | วิตามินบี1 | วิตามินบี2 | วิตามินบี3 | วิตามินบี5 | วิตามินบี6 | วิตามินบี12 | วิตามินซี | วิตามินดี | วิตามินอี | โฟลิก |
แมกนีเซียม | สังกะสี | วิตามินเอ | วิตามินซี | วิตามินอี | แร่ธาตุ | วิตามิน