ปลาไทยและปลาต่างประเทศที่มีโอเมก้า 3 สูง 10 ชนิด
  โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ และมีความสำคัญต่อสุขภาพหัวใจ สมอง และระบบประสาท แม้ว่าปลาทะเลน้ำลึกจากต่างประเทศอย่างแซลมอนมักถูกพูดถึงในฐานะแหล่งโอเมก้า 3 ชั้นนำ แต่ปลาไทยทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มก็มีปริมาณโอเมก้า 3 ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ต่อไปนี้เป็นรายชื่อ 10 ชนิดของปลาไทยและปลาต่างประเทศที่มีโอเมก้า 3 สูง รวมถึงประโยชน์และวิธีการบริโภคเพื่อสุขภาพที่ดี
    
  ปลาไทยที่มีโอเมก้า 3 สูง 10 ชนิด(มิลิกรัมต่อเนื้อปลา100กรัม)
  
    - ปลาสวาย - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 2,111 มิลลิกรัม ปลาน้ำจืดที่อุดมไปด้วยไขมันดี เหมาะสำหรับเมนูปลาสวายรมควันหรือต้มยำ
 
    - ปลาทู - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,636 มิลลิกรัม ปลาทะเลไทยที่หาง่าย ควรนึ่งหรือต้มเพื่อคงคุณค่า
 
    - ปลาช่อน - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 870 มิลลิกรัม ปลาน้ำจืดรสชาติดี นิยมทำปลาช่อนลุยสวน
 
    - ปลากะพงขาว - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 400 มิลลิกรัม เนื้อนุ่ม เหมาะกับการนึ่งมะนาว
 
    - ปลาสำลี - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 470 มิลลิกรัม ปลาทะเลที่นิยมทอดหรือทำสามรส
 
    - ปลาจะละเม็ด - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 840 มิลลิกรัม ปลาทะเลขนาดเล็ก เหมาะกับการนึ่ง
 
    - ปลาดุก - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 460 มิลลิกรัม ปลาน้ำจืดที่นิยมทำยำปลาดุกฟู
 
    - ปลาสลิด - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 360 มิลลิกรัม ปลาน้ำจืดที่ทำเป็นปลาแห้งได้รสชาติดี
 
    - ปลาตะเพียน - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 240 มิลลิกรัม เหมาะกับการต้มหรือทอด
 
    - ปลาอินทรี - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 330 มิลลิกรัม ปลาทะเลที่อุดมด้วยโปรตีนและไขมันดี
 
  
  ปลาต่างประเทศที่มีโอเมก้า 3 สูง 10 ชนิด(มิลิกรัมต่อเนื้อปลา100กรัม)
  
    - ปลาแซลมอน - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,000-1,700 มิลลิกรัม ปลาน้ำลึกที่ช่วยบำรุงสมอง
 
    - ปลาแมคเคอเรล - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 2,300 มิลลิกรัม อุดมด้วยวิตามิน D
 
    - ปลาทูน่า - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,200 มิลลิกรัม เหมาะกับสลัดหรือซาซิมิ
 
    - ปลาซาร์ดีน - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,000 มิลลิกรัม ปลาขนาดเล็กที่กินทั้งกระดูกได้
 
    - ปลาแอนโชวี่ - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 2,000 มิลลิกรัม ใช้ทำน้ำปลาหรือซอส
 
    - ปลาเฮอร์ริ่ง - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,800 มิลลิกรัม ปลาน้ำลึกจากยุโรป
 
    - ปลาค็อด - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 900 มิลลิกรัม ใช้ทำน้ำมันตับปลา
 
    - ปลาเทราต์ - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,500 มิลลิกรัม ปลาน้ำจืดจากต่างประเทศ
 
    - ปลาซาบะ - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,900 มิลลิกรัม ปลาทะเลญี่ปุ่นยอดนิยม
 
    - ปลาพอลล็อก - มีโอเมก้า 3 ประมาณ 800 มิลลิกรัม ใช้ทำปลาแช่แข็ง
 
  
 
  ประโยชน์ของโอเมก้า 3
  
    - บำรุงสมองและระบบประสาท - ช่วยพัฒนาความจำและการเรียนรู้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ
 
    - สุขภาพหัวใจ - ลดระดับไตรกลีเซอไรด์และป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด
 
    - ต้านการอักเสบ - ช่วยลดอาการของโรคข้อและผิวหนัง
 
    - พัฒนาการของทารก - ส่งเสริมการมองเห็นและระบบประสาทในช่วงตั้งครรภ์
 
  
  เคล็ดลับการบริโภคปลาเพื่อได้รับโอเมก้า 3 สูงสุด
  
    - เลือกวิธีปรุงที่เหมาะสม - ควรนึ่ง ต้ม หรืออบ เพื่อป้องกันการสูญเสียโอเมก้า 3 จากความร้อนสูงของการทอด
 
    - หลีกเลี่ยงปลาที่ปนเปื้อน - ปลาทะเลบางชนิดอาจมีสารปรอท เลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้
 
    - รับประทานสลับกัน - เปลี่ยนชนิดปลาเพื่อความหลากหลายของสารอาหาร
 
    - ปริมาณที่แนะนำ - องค์การอนามัยโลกแนะนำรับประทานปลา 1-2 มื้อต่อสัปดาห์ หรือได้โอเมก้า 3 ประมาณ 200-500 มิลลิกรัมต่อวัน
 
  
  ข้อควรระวัง
  
    - ผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือดควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคในปริมาณมาก
 
    - ปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปอาจมีโอเมก้า 3 สูงขึ้นแต่ควรตรวจสอบแหล่งที่มา
 
  
  สรุป
  ทั้งปลาไทยและปลาต่างประเทศล้วนเป็นแหล่งโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพ การเลือกบริโภคให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะปลาไทยที่ราคาเข้าถึงง่ายและมีคุณภาพไม่แพ้ปลานำเข้า หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ
  เผยแพร่เมื่อ:
    
  
  โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
  
    
    