siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid - LA): ไขมันจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีและแหล่งอาหาร

กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid - LA) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนในกลุ่ม โอเมก้า 6 ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกายของเรา แม้ว่าคำว่า "โอเมก้า 6" อาจทำให้บางคนกังวลเรื่องความสมดุลกับโอเมก้า 3 แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่ากรดไลโนเลอิกเป็น ไขมันจำเป็น ซึ่งหมายความว่าร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้และต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น


ทำไมกรดไลโนเลอิกจึงสำคัญ?

กรดไลโนเลอิกมีบทบาทสำคัญหลายอย่างในร่างกาย:


ผลดีต่อสุขภาพของกรดไลโนเลอิก

การบริโภคกรดไลโนเลอิกในปริมาณที่เหมาะสมและรักษาสมดุลกับกรดไขมันโอเมก้า 3 มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ:


ผลเสียต่อสุขภาพของกรดไลโนเลอิก (เมื่อบริโภคไม่สมดุล)

แม้จะเป็นไขมันจำเป็นและมีประโยชน์ แต่หากบริโภคในปริมาณที่ ไม่สมดุล กับกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจนำไปสู่ผลเสียได้:

สิ่งสำคัญคือ: ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกรดไลโนเลอิกเอง แต่อยู่ที่ สัดส่วน ระหว่างโอเมก้า 6 และโอเมก้า 3 ในอาหารโดยรวมของเรา


ปริมาณกรดไลโนเลอิกที่ควรได้รับ

องค์กรด้านสุขภาพหลายแห่งได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณการบริโภคกรดไลโนเลอิกที่เหมาะสม โดยปกติจะอยู่ในช่วง 11-17 กรัมต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่

หากแปลงเป็นปริมาณการใช้น้ำมันบางชนิดในชีวิตประจำวัน (โดยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะน้ำมันเท่ากับประมาณ 14 กรัม):

ตัวอย่างการคำนวณง่ายๆ: หากเป้าหมายคือได้รับกรดไลโนเลอิกประมาณ 12-17 กรัมต่อวัน คุณอาจได้รับจากการใช้น้ำมันดอกทานตะวันประมาณ 1.5 - 2 ช้อนโต๊ะ หรือน้ำมันข้าวโพด/ถั่วเหลืองประมาณ 2 - 2.5 ช้อนโต๊ะ ในการประกอบอาหารต่อวัน

สิ่งสำคัญที่ต้องจำ: ปริมาณที่แนะนำคือปริมาณกรดไลโนเลอิกที่ได้รับจากอาหารทั้งหมด ไม่ใช่แค่จากน้ำมันพืชเท่านั้น


แหล่งอาหารและปริมาณกรดไลโนเลอิก (LA) สูง

นอกเหนือจากน้ำมันพืชแล้ว ยังมีอาหารธรรมชาติอีกหลายชนิดที่เป็นแหล่งของกรดไลโนเลอิกที่ดีเยี่ยม:

1. น้ำมันพืช (แหล่ง LA สูงที่สุด)

2. ถั่วและเมล็ดพืช

ถั่วและเมล็ดพืชเป็นแหล่งของไขมันที่ดี โปรตีน และใยอาหาร รวมถึงกรดไลโนเลอิกในปริมาณสูง

3. ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (บางชนิด)

แม้ว่าน้ำมันพืชจะเป็นแหล่งหลัก แต่ผลิตภัณฑ์จากสัตว์บางชนิดก็มีกรดไลโนเลอิกเช่นกัน โดยเฉพาะสัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหารที่มีธัญพืช

4. ธัญพืชและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช

5. อาหารแปรรูปบางชนิด

อาหารแปรรูปหลายชนิดมักใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไลโนเลอิกสูงในการผลิต ดังนั้นจึงมี LA ในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากอาจมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำตาล โซเดียม และไขมันทรานส์


กรดคอนจุเกเตดไลโนเลอิก (Conjugated Linoleic Acid - CLA)

กรดคอนจุเกเตดไลโนเลอิก (Conjugated Linoleic Acid - CLA) ไม่เหมือนกับ Linoleic Acid (LA) แต่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด CLA เป็น กลุ่มของไอโซเมอร์ (สารที่มีสูตรเคมีเดียวกันแต่โครงสร้างต่างกัน) ของกรดไลโนเลอิก โดยมีลักษณะเด่นคือ พันธะคู่สองพันธะที่อยู่ติดกัน (conjugated double bonds) ซึ่งต่างจาก LA ที่พันธะคู่จะแยกจากกัน


สรุปความแตกต่างระหว่าง LA และ CLA

คุณสมบัติ

กรดไลโนเลอิก (LA)

กรดคอนจุเกเตดไลโนเลอิก (CLA)

โครงสร้าง

พันธะคู่แยกจากกัน (non-conjugated)

พันธะคู่ติดกัน (conjugated)

สถานะไขมัน

ไขมันจำเป็น (Essential Fatty Acid)

เป็นกลุ่มของไอโซเมอร์ของ LA, ร่างกายสามารถสร้างได้จาก LA บางส่วน

แหล่งหลัก

น้ำมันพืช (ดอกทานตะวัน, ข้าวโพด, ถั่วเหลือง), ถั่ว

เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมจากสัตว์เคี้ยวเอื้อง

บทบาทหลัก

โครงสร้างเซลล์, สุขภาพผิว, สารตั้งต้นโอเมก้า 6 อื่นๆ

การลดไขมันในร่างกาย, ต้านมะเร็ง (ศักยภาพ), ภูมิคุ้มกัน


ข้อควรพิจารณาโดยรวมในการบริโภคไขมัน

แม้ว่ากรดไลโนเลอิกจะเป็นไขมันจำเป็น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความสมดุล ระหว่างกรดไขมันโอเมก้า 6 และโอเมก้า 3 การบริโภคโอเมก้า 6 สูงเกินไปโดยไม่มีโอเมก้า 3 ที่เพียงพอ อาจนำไปสู่ภาวะการอักเสบในร่างกายได้

คำแนะนำ:

การผสมผสานอาหารเหล่านี้ในมื้ออาหารประจำวันอย่างสมดุล จะช่วยให้คุณได้รับกรดไลโนเลอิกที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย พร้อมทั้งรักษาสมดุลของกรดไขมันเพื่อสุขภาพที่ดีโดยรวมค่ะ

 

เพิ่มเพื่อน