Ramipril: คู่มือยารักษาความดันโลหิตสูงและภาวะหัวใจล้มเหลว
เผยแพร่เมื่อ: 7 มิถุนายน 2568, 13:30 น.
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
1. ยานั้นคืออะไร
Ramipril เป็นยาในกลุ่ม ACE Inhibitors (Angiotensin-Converting Enzyme Inhibitors) ใช้รักษาความดันโลหิตสูง, ภาวะหัวใจล้มเหลว, และป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยที่เคยมีกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial Infarction)
2. กลไกการออกฤทธิ์
Ramipril ออกฤทธิ์โดย:
-
ยับยั้งเอนไซม์ ACE: ลดการผลิต Angiotensin II ซึ่งเป็นสารที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว
-
คลายหลอดเลือด: ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดความดันโลหิต และลดภาระงานของหัวใจ
-
ลดการคั่งของโซเดียมและน้ำ: ช่วยลดอาการบวมในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว
-
ป้องกันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหัวใจ: ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวและกล้ามเนื้อหัวใจตาย
3. ยานี้ใช้รักษาโรคอะไร
-
ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ลดความดันโลหิตเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
-
ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure): บรรเทาอาการหายใจลำบากและบวม
-
ป้องกันโรคหัวใจ: ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หลังกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือมีปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน
-
ภาวะอื่นๆ: เช่น โรคไตจากเบาหวาน (Diabetic Nephropathy)
4. ขนาดและรูปแบบยาที่ใช้รักษา
5. ข้อแนะนำในการรับประทานยา
-
รับประทานยาตามเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อรักษาระดับยาในร่างกาย
-
ห้ามหยุดยาทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาจทำให้ความดันโลหิตสูงหรือหัวใจล้มเหลวรุนแรงขึ้น
-
ดื่มน้ำเพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
-
พบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจความดันโลหิต, การทำงานของไต, และระดับโพแทสเซียม
-
ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ เช่น ลดอาหารรสเค็ม, ไขมันสูง, และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
-
เตรียมยาให้เพียงพอเมื่อเดินทางหรือท่องเที่ยว
6. ข้อห้ามในการใช้ยา
-
แพ้ยา Ramipril หรือยาในกลุ่ม ACE Inhibitors
-
ประวัติ angioedema จาก ACE Inhibitors
-
ไตวายเฉียบพลัน หรือ CrCl <10 มล./นาที โดยไม่ได้รับการฟอกไต
-
ภาวะหลอดเลือดแดงไตตีบทั้งสองข้าง (Bilateral Renal Artery Stenosis)
-
ตั้งครรภ์ในไตรมาส 2-3 (Pregnancy Category D): เสี่ยงต่อทารกในครรภ์
-
เด็ก: ข้อมูลความปลอดภัยจำกัด
7. ข้อระวังในการใช้ยา
-
สตรีตั้งครรภ์/ให้นมบุตร: Pregnancy Category C (ไตรมาสแรก), Category D (ไตรมาส 2-3); หลีกเลี่ยงในสตรีให้นมบุตร
-
ภาวะขาดน้ำ: อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำ
-
โรคไต/ตับ: ปรับขนาดยาและติดตามการทำงานของอวัยวะ
-
ระดับโพแทสเซียมสูง (Hyperkalemia): ตรวจระดับโพแทสเซียมในเลือด
-
โรคลิ้นหัวใจตีบ (Aortic Stenosis) หรือ หลอดเลือดแดงตีบ: อาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ
-
ระหว่างผ่าตัด: แจ้งวิสัญญีแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดความดันโลหิตต่ำ
-
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (เช่น SLE): อาจต้องตรวจ CBC เพื่อติดตามภาวะ Neutropenia
8. ระหว่างที่ใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร
-
อาการที่ต้องระวัง:
-
วิงเวียน, หน้ามืด, ปวดศีรษะ (พบบ่อยในช่วงเริ่มยา)
-
เจ็บหน้าอก, หายใจลำบาก, เป็นลม
-
มือเท้าบวม, ตัว/ตาเหลือง (ดีซ่าน), ปัสสาวะสีเข้ม
-
อาการแพ้: ผื่น, คัน, บวมหน้า/คอ (Angioedema), เจ็บคอ
-
การตรวจพิเศษ:
-
ตรวจความดันโลหิตและชีพจรเป็นประจำ
-
ตรวจการทำงานของไต (CrCl, Serum Creatinine) และระดับโพแทสเซียม
-
ตรวจ CBC ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้ภูมิ
9. มีโรคหรือยาอื่นๆ ที่มีผลต่อการใช้ยามีอะไรบ้าง
10. ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา
11. วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียงของยา
-
รับประทานยาเมื่อท้องว่างตามคำแนะนำเพื่อลดอาการคลื่นไส้
-
เปลี่ยนท่าทางช้าๆ เพื่อป้องกันความดันโลหิตต่ำ
-
ดื่มน้ำเพียงพอและหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
-
หลีกเลี่ยงแดดจัดหรือความร้อนเพื่อลดอาการวิงเวียน
-
หยุดยาและพบแพทย์หากมีอาการรุนแรง เช่น ไอแห้งรุนแรงหรือบวมหน้า
12. หากลืมใช้ยาต้องทำอย่างไร
-
รับประทานทันทีที่นึกได้ หากห่างจากมื้อถัดไปเกิน 4 ชั่วโมง
-
หากใกล้ถึงเวลายาครั้งถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานตามกำหนดปกติ
-
ห้ามเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
-
แจ้งแพทย์หากลืมยาบ่อยครั้ง
13. การเก็บยา
-
เก็บในภาชนะเดิม ปิดสนิท และพ้นมือเด็ก
-
เก็บที่อุณหภูมิห้อง (15-30°C) หลีกเลี่ยงความร้อน, ความชื้น, และแสงแดด
-
ตรวจสอบวันหมดอายุและทิ้งยาที่เสื่อมสภาพ
14. สรุป
Ramipril เป็นยา ACE Inhibitor ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดันโลหิตสูง, ภาวะหัวใจล้มเหลว, และป้องกันโรคหัวใจ การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคไต, ตับ, หรือตั้งครรภ์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิผลสูงสุด
Captopril | Enalapril | Lisinopril | Perindopril | Ramipril |
