Angiotensin Receptor Antagonists (ARBs): คู่มือการรักษาความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ
เผยแพร่เมื่อ: 29 มิถุนายน 2568, 13:30 น.
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
1. ยานั้นคืออะไร
Angiotensin Receptor Antagonists (ARBs) หรือยาในกลุ่มแองจิโอเทนซินรีเซพเตอร์แอนตาโกนิสต์ เป็นยาที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง, ภาวะหัวใจล้มเหลว, และชะลอความเสียหายของไตในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยา ACE Inhibitors เช่น ไอแห้ง
2. กลไกการออกฤทธิ์
ARBs ออกฤทธิ์โดย:
-
ยับยั้งตัวรับ Angiotensin II (AT1): ป้องกันการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดคลายตัวและลดความดันโลหิต
-
ลดการคั่งของโซเดียมและน้ำ: ช่วยลดอาการบวมในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว
-
ลดภาระงานของหัวใจ: ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
-
ปกป้องไต: ชะลอความเสียหายของไตในผู้ป่วยเบาหวานหรือโรคไตเรื้อรัง
3. ยานี้ใช้รักษาโรคอะไร
-
ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ลดความดันโลหิตเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
-
ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure): ลดอาการหายใจลำบากและบวม ลดอัตราการเสียชีวิตและการเข้ารักษาในโรงพยาบาล
-
ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Risk Reduction): ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีประวัติกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือเบาหวาน
-
โรคไตจากเบาหวาน (Diabetic Nephropathy): ชะลอความเสียหายของไตในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
-
ภาวะอื่นๆ: เช่น ป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
4. ตัวอย่างยาในกลุ่ม ARBs และขนาดยาที่ใช้
-
รูปแบบยา: ยาเม็ด (รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง โดยทั่วไปไม่ต้องคำนึงถึงมื้ออาหาร)
-
ขนาดยาที่ใช้:
-
หมายเหตุ: ขนาดยาขึ้นอยู่กับคำสั่งแพทย์ การปรับขนาดยาใช้เวลา 4-8 สัปดาห์ อาจใช้ร่วมกับยาขับปัสสาวะ (เช่น Hydrochlorothiazide) หากควบคุมความดันไม่ได้
5. ข้อแนะนำในการรับประทานยา
-
รับประทานยาตามเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อรักษาระดับยาในร่างกาย
-
ห้ามหยุดยาทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นหรืออาการหัวใจล้มเหลวแย่ลง
-
ดื่มน้ำเพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
-
พบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจความดันโลหิต, การทำงานของไต, และระดับโพแทสเซียม
-
ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ เช่น ลดอาหารรสเค็ม, ไขมันสูง, และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
-
เตรียมยาให้เพียงพอเมื่อเดินทางหรือท่องเที่ยว
6. ข้อห้ามในการใช้ยา
-
แพ้ยาในกลุ่ม ARBs หรือส่วนประกอบของยา
-
ตั้งครรภ์ในไตรมาส 2-3 (Pregnancy Category D): เสี่ยงต่อทารกในครรภ์
-
สตรีให้นมบุตร: ข้อมูลความปลอดภัยจำกัด
-
ตับเสียหายรุนแรง หรือ ทางเดินน้ำดีอุดกั้น
-
ไตเสื่อมรุนแรง (CrCl <30 มล./นาที โดยไม่ได้รับการฟอกไต)
-
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี: ไม่แนะนำเนื่องจากขาดข้อมูลความปลอดภัย
7. ข้อระวังในการใช้ยา
-
สตรีตั้งครรภ์/ให้นมบุตร: Pregnancy Category C (ไตรมาสแรก), Category D (ไตรมาส 2-3); หลีกเลี่ยงในสตรีให้นมบุตร
-
ภาวะขาดน้ำ: จากยาขับปัสสาวะ, อาเจียน, หรือท้องร่วง ต้องแก้ไขก่อนให้ยา
-
หลอดเลือดไตตีบ (Renal Artery Stenosis): เสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำและไตวาย
-
ระดับโพแทสเซียมสูง (Hyperkalemia): ตรวจระดับโพแทสเซียมในเลือด
-
โรคตับ/ไต: ปรับขนาดยาและติดตามการทำงานของอวัยวะ
-
ภาวะหัวใจล้มเหลว/ลิ้นหัวใจตีบ: เสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำ
-
การใช้ร่วมกับ ACE Inhibitors: อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำ, ไตวาย, และ Hyperkalemia
8. ระหว่างที่ใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร
-
อาการที่ต้องระวัง:
-
ความดันโลหิตต่ำ: วิงเวียน, หน้ามืด, ใจสั่น
-
อาการแพ้: ผื่น, คัน, บวมหน้า/คอ (Angioedema)
-
ไตวาย: ปัสสาวะน้อยลง, บวมข้อเท้า/ขา
-
ระดับโพแทสเซียมสูง: อ่อนแรง, ใจสั่น
-
ตัว/ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม (ปัญหาตับ)
-
การตรวจพิเศษ:
9. มีโรคหรือยาอื่นๆ ที่มีผลต่อการใช้ยามีอะไรบ้าง
10. ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา
11. วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียงของยา
-
เปลี่ยนท่าทางช้าๆ เพื่อป้องกันความดันโลหิตต่ำ
-
ดื่มน้ำเพียงพอและหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
-
หลีกเลี่ยงแดดจัดหรือความร้อนเพื่อลดอาการวิงเวียน
-
หยุดยาและพบแพทย์หากมีอาการรุนแรง เช่น บวมหน้า/คอ หรือปัสสาวะน้อยลง
12. หากได้รับยาเกินขนาดต้องทำอย่างไร
13. หากลืมใช้ยาต้องทำอย่างไร
-
รับประทานทันทีที่นึกได้ หากห่างจากมื้อถัดไปเกิน 4 ชั่วโมง
-
หากใกล้ถึงเวลายาครั้งถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานตามกำหนดปกติ
-
ห้ามเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
-
แจ้งแพทย์หากลืมยาบ่อยครั้ง
14. การเก็บยา
-
เก็บในภาชนะเดิม ปิดสนิท และพ้นมือเด็ก
-
เก็บที่อุณหภูมิห้อง (15-30°C) หลีกเลี่ยงความร้อน, ความชื้น, และแสงแดด
-
ตรวจสอบวันหมดอายุและทิ้งยาที่เสื่อมสภาพ
15. สรุป
Angiotensin Receptor Antagonists (ARBs) เป็นกลุ่มยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดันโลหิตสูง, ภาวะหัวใจล้มเหลว, และชะลอความเสียหายของไต โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่สามารถใช้ ACE Inhibitors ได้ การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิผลสูงสุด
