`
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสำคัญเกี่ยวกับยา Prazosin (พราโซซิน) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงและอาการจากต่อมลูกหมากโต จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ป่วยและบุคคลทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานี้ สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย และทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวังต่างๆ ที่สำคัญ การมีความรู้เกี่ยวกับยาที่คุณใช้จะช่วยให้คุณจัดการกับโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Prazosin (พราโซซิน) เป็นยาในกลุ่ม Alpha-1 Adrenergic Receptor Blockers (หรือ Alpha-blockers) ซึ่งใช้สำหรับ:
รักษาความดันโลหิตสูง (Hypertension): โดยออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด
บรรเทาอาการจากต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia - BPH):
ยานี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งตัวรับ Alpha-1 Adrenergic Receptor ซึ่งมีอยู่ตามหลอดเลือดและบริเวณต่อมลูกหมาก ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ Minipress เป็นต้น Prazosin เป็นยาที่ต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น
Prazosin ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งตัวรับ Alpha-1 Adrenergic Receptor ซึ่งเป็นตัวรับที่เกี่ยวข้องกับการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบในหลอดเลือดและบริเวณทางเดินปัสสาวะ เมื่อ Prazosin เข้าไปยับยั้งตัวรับนี้ จะส่งผลให้:
ในหลอดเลือด:
หลอดเลือดขยายตัว (Vasodilation): กล้ามเนื้อเรียบในผนังหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำคลายตัว ทำให้หลอดเลือดขยายกว้างขึ้น
ลดความต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลาย (Peripheral Vascular Resistance): เมื่อหลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนของเลือดจะดีขึ้น ความต้านทานลดลง ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง
ในต่อมลูกหมากและกระเพาะปัสสาวะ:
คลายกล้ามเนื้อเรียบ: กล้ามเนื้อเรียบในต่อมลูกหมากและบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะคลายตัว
บรรเทาอาการต่อมลูกหมากโต: ช่วยให้ปัสสาวะไหลผ่านได้ง่ายขึ้น ลดอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อยในเวลากลางคืน ที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต
กลไกอื่นๆ (ยังไม่ทราบแน่ชัด): ในบางกรณี Prazosin อาจใช้เพื่อลดฝันร้ายที่เกี่ยวข้องกับภาวะ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) โดยกลไกที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลาง
Prazosin ใช้รักษาโรคและภาวะต่างๆ ดังนี้:
ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ใช้เพื่อลดความดันโลหิตให้เข้าสู่ระดับปกติ ช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคหัวใจ
ภาวะต่อมลูกหมากโตแต่ไม่ใช่มะเร็ง (Benign Prostatic Hyperplasia - BPH): ใช้เพื่อบรรเทาอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะไม่พุ่ง ที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต
การใช้แบบ Off-Label (การใช้นอกเหนือข้อบ่งชี้ที่ได้รับการอนุมัติ):
ลดฝันร้ายจากภาวะ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD):
ภาวะ Raynaud's Phenomenon: เพื่อลดการหดตัวของหลอดเลือด
ภาวะหัวใจล้มเหลว: (ในบางกรณี)
Prazosin มีจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน โดยทั่วไปมีขนาด 1 มิลลิกรัม (มก.), 2 มก., และ 5 มก.
ขนาดยาที่ใช้แตกต่างกันไปตามข้อบ่งใช้และผู้ป่วยแต่ละราย และควรเริ่มจากขนาดต่ำสุดเพื่อป้องกันผลข้างเคียง (First-dose phenomenon):
สำหรับความดันโลหิตสูง และอาการจากต่อมลูกหมากโต:
ขนาดเริ่มต้น: 1 มก. รับประทานครั้งเดียวต่อวัน ก่อนนอน (เพื่อลดอาการวิงเวียน หน้ามืด หลังรับประทานยาครั้งแรก)
การปรับขนาด: แพทย์จะค่อยๆ เพิ่มขนาดยาอย่างช้าๆ โดยทั่วไป 1-5 มก. วันละ 2-3 ครั้ง หรือตามความเหมาะสม
ขนาดยาสูงสุด: ไม่ควรเกิน 20 มก. ต่อวัน (แต่บางกรณีอาจใช้ถึง 40 มก./วัน)
สำหรับ PTSD ที่มีฝันร้าย:
เริ่มต้น 1 มก. ก่อนนอน แพทย์อาจค่อยๆ เพิ่มปริมาณ
วิธีการใช้ยา:
รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด: โดยเฉพาะขนาดยาครั้งแรก
รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน: เพื่อรักษาระดับยาในร่างกายให้คงที่
ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการรับประทานยาครั้งแรก: โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรรับประทานก่อนนอน และหลีกเลี่ยงการลุกยืนเร็วๆ หลังจากตื่นนอน เพื่อป้องกันอาการวิงเวียน หน้ามืด หรือเป็นลม
หมายเหตุ: ขนาดยาและรูปแบบการใช้จะถูกกำหนดโดยแพทย์ผู้รักษาตามสภาพอาการและอายุของผู้ป่วย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด
การแจ้งข้อมูลสุขภาพของคุณอย่างครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Prazosin คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับ:
ประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Prazosin หรือยาในกลุ่ม Alpha-blockers อื่นๆ (เช่น Terazosin, Doxazosin) หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาหรือไม่
โรคประจำตัวอื่นๆ: โดยเฉพาะ
โรคหัวใจ: โดยเฉพาะภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure - CHF) หรือภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ
โรคตับ (Liver disease) หรือโรคไต (Kidney disease):
ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) หรือประวัติหน้ามืด เป็นลมง่าย (Syncope):
ภาวะต้อกระจก (Cataract) หรือต้อหิน (Glaucoma): (อาจมีผลต่อการผ่าตัดตา)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์:
การให้นมบุตร:
การผ่าตัด หรือหัตถการใดๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น: รวมถึงการผ่าตัดตา (Cataract Surgery) หรือการทำฟัน
ยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรอื่นๆ ที่กำลังใช้: โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิตชนิดอื่นๆ (โดยเฉพาะยาในกลุ่ม Beta-blockers, Calcium Channel Blockers, Diuretics), ยาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (เช่น Sildenafil), ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs), หรือสมุนไพรบางชนิด (เช่น St. John's Wort)
ควรใช้ Prazosin ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยบางราย:
ภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension / First-dose Phenomenon): เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อย โดยเฉพาะหลังรับประทานยาครั้งแรก หรือเมื่อมีการปรับเพิ่มขนาดยา ผู้ป่วยอาจรู้สึกวิงเวียน หน้ามืด หรือเป็นลมเมื่อลุกยืนอย่างรวดเร็ว ควรรับประทานยาครั้งแรกก่อนนอน และนอนพักอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังรับประทานยาเพื่อป้องกันอาการ
ผู้ป่วยสูงอายุ: มีความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตต่ำและผลข้างเคียงอื่นๆ มากกว่า
ผู้ป่วยโรคตับหรือไต: อาจต้องปรับขนาดยา เนื่องจากยาถูกเผาผลาญที่ตับและขับออกทางไต
ผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว (CHF): ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
การผ่าตัดตา (Cataract Surgery): การใช้ Prazosin อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะ Floppy Iris Syndrome ในระหว่างการผ่าตัดตาต้อกระจก ควรแจ้งจักษุแพทย์ว่ากำลังใช้ยานี้
การใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์สามารถเสริมฤทธิ์ลดความดันโลหิตของ Prazosin ทำให้เสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตต่ำได้มากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณ
อาการที่ต้องเฝ้าระวังและควรพบแพทย์ทันที:
อาการความดันโลหิตต่ำรุนแรง: วิงเวียนศีรษะมาก, หน้ามืด, เป็นลม, หรืออ่อนเพลียผิดปกติ
อาการใจสั่น, หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ, หรือเจ็บหน้าอก:
อาการบวมที่มือ เท้า หรือข้อเท้า:
อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, บวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือคอ, หายใจลำบาก (เป็นภาวะฉุกเฉิน)
อาการปัสสาวะไม่ออก หรือปัสสาวะลำบากมากขึ้น: (หากใช้เพื่อรักษาต่อมลูกหมากโต)
อาการอื่นๆ ที่น่ากังวล: เช่น ฝันร้ายที่รุนแรงขึ้น
การตรวจพิเศษ:
การวัดความดันโลหิต: ควรวัดความดันโลหิตทั้งท่านอน/นั่ง และท่ายืน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการรักษาและเมื่อมีการปรับขนาดยา
อาจมีการตรวจการทำงานของตับและไต ในผู้ป่วยบางราย
สำหรับผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต อาจมีการติดตามอาการทางเดินปัสสาวะ
Prazosin มีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ หลายชนิด ซึ่งสามารถ เสริมฤทธิ์ลดความดันโลหิต หรือส่งผลต่อระดับยาอื่นได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ
ยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:
ยาลดความดันโลหิตชนิดอื่นๆ: การใช้ร่วมกับยาลดความดันโลหิตกลุ่มอื่น (เช่น Beta-blockers, Calcium Channel Blockers, Diuretics) อาจทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงมากเกินไป
ยาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (PDE5 Inhibitors): เช่น Sildenafil (Viagra), Tadalafil (Cialis), Vardenafil (Levitra) การใช้ร่วมกับ Prazosin อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำรุนแรง (Severe Hypotension)
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs): เช่น Ibuprofen, Naproxen อาจลดประสิทธิภาพของ Prazosin ในการลดความดันโลหิต
แอลกอฮอล์: สามารถเสริมฤทธิ์ลดความดันโลหิต ทำให้เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืดได้
สมุนไพรบางชนิด: เช่น St. John's Wort อาจส่งผลต่อระดับยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักเกิดในช่วงเริ่มต้นของการรักษา หรือเมื่อได้รับยาเกินขนาด):
ระบบหัวใจและหลอดเลือด: ความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension) ทำให้วิงเวียน, หน้ามืด, เป็นลม (โดยเฉพาะหลังรับประทานยาครั้งแรก)
ระบบประสาท: ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ, ง่วงซึม, อ่อนเพลีย, ไม่มีแรง
ระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, ท้องผูก, ปากแห้ง
อื่นๆ: ใจสั่น, บวม (Peripheral Edema), คัดจมูก, ตาพร่ามัวเล็กน้อย
ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:
ภาวะความดันโลหิตต่ำรุนแรง (Severe Hypotension): อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ภาวะเจ็บหน้าอก (Angina Pectoris): อาจเกิดขึ้นหรือแย่ลงในผู้ป่วยบางราย
ภาวะ Priapism: การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายต่อเนื่องผิดปกติและเจ็บปวด (พบน้อยมาก)
อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, บวม, หายใจลำบาก
ภาวะหัวใจล้มเหลวที่แย่ลง: ในผู้ป่วยที่มีภาวะอยู่แล้ว
หากพบอาการรุนแรง หรืออาการที่น่ากังวล ควรรีบหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
รับประทานยาครั้งแรกก่อนนอน: เพื่อลดอาการวิงเวียน หน้ามืด ที่อาจเกิดจาก First-dose Phenomenon
ค่อยๆ ลุกยืนช้าๆ: โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่าทางจากนั่งหรือนอนไปยืน เพื่อป้องกันอาการวิงเวียน หน้ามืด
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อช่วยรักษาระดับความดันโลหิต
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์:
แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทุกชนิดที่ใช้อยู่: โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิตชนิดอื่นๆ หรือยาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
แจ้งแพทย์ก่อนการผ่าตัด: โดยเฉพาะการผ่าตัดตา (Cataract Surgery) เพื่อให้แพทย์ทราบและเตรียมการ
อย่าหยุดยาเอง: การหยุดยา Prazosin ทันทีอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (Rebound Hypertension) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อค่อยๆ ลดขนาดยา
หากได้รับยา Prazosin เกินขนาด อาจเกิดอาการรุนแรง เช่น ความดันโลหิตต่ำมากจนเป็นอันตราย, ง่วงซึมอย่างรุนแรง, เวียนศีรษะ, หรือเป็นลม วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที การรักษาจะเน้นที่การดูแลประคับประคอง, การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เพื่อเพิ่มความดันโลหิต
Prazosin มักรับประทานวันละ 2-3 ครั้ง
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้
หากใกล้ถึงเวลาของยาครั้งถัดไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานตามตารางปกติ
ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อชดเชยยาที่ลืมเด็ดขาด: เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง
เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง: ประมาณ 20-25°C (68-77°F) หรือตามที่ระบุบนฉลากยา
เก็บในที่แห้งและพ้นจากแสงแดดโดยตรง:
เก็บในภาชนะบรรจุเดิมที่ปิดสนิท:
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง:
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยาเสมอ: ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว
สตรีมีครรภ์: Prazosin จัดอยู่ใน Pregnancy Category C (จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบผลข้างเคียง แต่ไม่มีข้อมูลเพียงพอในมนุษย์) ควรใช้ Prazosin ในสตรีมีครรภ์เฉพาะเมื่อจำเป็นจริงๆ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น โดยแพทย์จะประเมินประโยชน์และความเสี่ยง
การให้นมบุตร: Prazosin สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ในปริมาณเล็กน้อย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรขณะใช้ยานี้
Prazosin เป็นยาในกลุ่ม Alpha-1 Adrenergic Receptor Blockers ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดันโลหิตสูงและบรรเทาอาการจากต่อมลูกหมากโต ด้วยกลไกการขยายหลอดเลือดและคลายกล้ามเนื้อเรียบ การใช้ Prazosin จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการระวังภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่า (First-dose Phenomenon) และปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่น การทำความเข้าใจข้อบ่งใช้ ข้อควรระวัง และผลข้างเคียง จะช่วยให้คุณใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุด
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ
วันที่เผยแพร่: 30 กรกฎาคม 2568, 14:00 น. ผู้เขียน: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ที่มา: SiamHealth.net