ยา Prazosin: ข้อมูลครบถ้วนสำหรับการรักษาความดันโลหิตสูงและต่อมลูกหมากโต
เผยแพร่เมื่อ: 7 มิถุนายน 2568, 13:30 น.
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
ยานั้นคืออะไร
Prazosin เป็นยาในกลุ่ม Alpha-1 Adrenergic Receptor Blockers ใช้รักษาความดันโลหิตสูง (Hypertension) และบรรเทาอาการจากต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia - BPH) ในผู้ชาย โดยช่วยคลายกล้ามเนื้อเรียบในหลอดเลือดและทางเดินปัสสาวะ ลดความดันโลหิตและอาการปัสสาวะลำบาก นอกจากนี้ อาจใช้ในบางกรณี เช่น รักษาอาการฝันร้ายจากโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) ตามคำสั่งแพทย์
กลไกการออกฤทธิ์
Prazosin ออกฤทธิ์โดย:
- ยับยั้งตัวรับ Alpha-1: ทำให้กล้ามเนื้อเรียบในหลอดเลือดและต่อมลูกหมากคลายตัว
- ลดความต้านทานในหลอดเลือด: ลดความดันโลหิตโดยการขยายหลอดเลือด
- ลดความตึงตัวของท่อปัสสาวะ: ในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต ช่วยให้ปัสสาวะไหลสะดวกขึ้น
- ลดการกระตุ้นระบบประสาท: ในบางกรณีช่วยลดอาการฝันร้ายจาก PTSD โดยลดการตอบสนองของระบบประสาทซิมพาเทติก
ยานี้ใช้รักษาโรคอะไร
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ลดความดันโลหิตเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
- ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia - BPH): บรรเทาอาการปัสสาวะลำบาก, ปัสสาวะบ่อย, หรือปัสสาวะไม่สุด
- ฝันร้ายจาก PTSD: ใช้ในบางกรณีเพื่อลดความถี่และความรุนแรงของฝันร้าย (Off-label use)
- ภาวะอื่นๆ: เช่น Raynaud’s Phenomenon หรือความดันโลหิตสูงฉุกเฉิน (ตามคำสั่งแพทย์)
ขนาดและรูปแบบยาที่ใช้รักษา
- รูปแบบยา:
- ยาเม็ด: ขนาด 1 มก., 2 มก., และ 5 มก.
- ขนาดยาที่ใช้:
- ความดันโลหิตสูง:
- เริ่มต้น 1 มก. วันละ 2-3 ครั้ง ก่อนนอนหรือตอนท้องว่าง
- ปรับขนาดเป็น 2-5 มก. วันละ 2-3 ครั้ง ตามการตอบสนอง สูงสุดไม่เกิน 20 มก./วัน
- ต่อมลูกหมากโต (BPH):
- เริ่มต้น 1 มก. วันละ 2 ครั้ง
- ปรับขนาดเป็น 2-5 มก. วันละ 2 ครั้ง ตามคำสั่งแพทย์ สูงสุดไม่เกิน 10 มก./วัน
- PTSD (ฝันร้าย):
- เริ่มต้น 1 มก. ก่อนนอน ปรับขนาดค่อยๆ เพิ่มถึง 2-10 มก./วัน ตามการตอบสนอง
- ผู้ป่วยไตหรือตับเสื่อม: เริ่มด้วยขนาดต่ำ (0.5-1 มก.) และติดตามผลอย่างใกล้ชิด
- ผู้สูงอายุ: เริ่มด้วยขนาดต่ำ (0.5-1 มก.) เนื่องจากไวต่อผลข้างเคียง
- หมายเหตุ: ขนาดยาขึ้นอยู่กับคำสั่งแพทย์ ต้องติดตามความดันโลหิตและอาการอย่างสม่ำเสมอ
ข้อแนะนำในการรับประทานยา
- รับประทานยาตามเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อรักษาระดับยาในร่างกาย
- ยาครั้งแรก: รับประทานก่อนนอนและนอนพักอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันอาการหน้ามืด (First-Dose Hypotension)
- เปลี่ยนท่าทางช้าๆ (จากนอนเป็นนั่ง แล้วค่อยยืน) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการวิงเวียน
- ห้ามหยุดยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ เช่น ลดอาหารรสเค็ม, ไขมันสูง, และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษาและปรับขนาดยา
ข้อห้ามในการใช้ยา
- แพ้ยา Prazosin หรือยาในกลุ่ม Alpha-1 Blockers (เช่น Terazosin, Doxazosin)
- ความดันโลหิตต่ำรุนแรง (Severe Hypotension) หรือภาวะช็อกจากหัวใจ (Cardiogenic Shock)
- มีประวัติเป็นลมจากความดันต่ำ (Orthostatic Hypotension): โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
- เด็ก: ข้อมูลความปลอดภัยในเด็กมีจำกัด ไม่แนะนำให้ใช้
ข้อระวังในการใช้ยา
- สตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: จัดอยู่ใน Pregnancy Category C (อาจมีความเสี่ยงต่อทารก ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อชั่งน้ำหนักประโยชน์และโทษ)
- โรคไตหรือตับ: อาจต้องปรับขนาดยาและติดตามการทำงานของอวัยวะ
- ผู้สูงอายุ: ไวต่อผลข้างเคียง เช่น ความดันโลหิตต่ำและวิงเวียน
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์: อาจเพิ่มอาการง่วงหรือวิงเวียน
- แจ้งแพทย์หากใช้ยาอื่น โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิต (เช่น Beta-Blockers, Diuretics) หรือยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (เช่น Sildenafil) เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำ
- ระวังการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานกับเครื่องจักรหากมีอาการง่วงหรือวิงเวียน
ระหว่างที่ใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร
- อาการที่ต้องระวัง:
- ความดันโลหิตต่ำ (Orthostatic Hypotension): วิงเวียน, หน้ามืด, เป็นลม โดยเฉพาะหลังรับประทานยาครั้งแรกหรือเพิ่มขนาดยา
- อาการรุนแรง: ปวดศีรษะรุนแรง, ใจสั่น, คลื่นไส้, ปวดท้อง, อ่อนเพลียมาก, หรือเจ็บหน้าอก
- อาการแพ้: ผื่น, คัน, บวมที่หน้า/คอ, หายใจลำบาก
- การตรวจพิเศษ:
- ตรวจวัดความดันโลหิตและชีพจรอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มใช้ยา
- ตรวจการทำงานของไตและตับในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง
- ติดตามอาการปัสสาวะในผู้ป่วย BPH และอาการฝันร้ายในผู้ป่วย PTSD
มีโรคหรือยาอื่นๆ ที่มีผลต่อการใช้ยามีอะไรบ้าง
- โรค:
- โรคไตหรือตับ: อาจต้องปรับขนาดยาและติดตามอย่างใกล้ชิด
- ภาวะขาดน้ำ: เพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำ
- โรคหัวใจ: เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว อาจต้องระวังผลกระทบจากความดันโลหิตต่ำ
- ยาที่มีผลต่อ Prazosin:
- ยาลดความดันโลหิตอื่น: เช่น Beta-Blockers (Atenolol), Calcium Channel Blockers (Amlodipine), Diuretics อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำ
- ยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ: เช่น Sildenafil, Tadalafil อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำ
- ยาที่มีผลต่อระบบประสาท: เช่น ยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับ อาจเพิ่มอาการง่วง
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทุกชนิด รวมถึงยาที่ซื้อเองและสมุนไพร
ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
- วิงเวียนหรือหน้ามืด (โดยเฉพาะใน 2-3 สัปดาห์แรก)
- ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลียหรือง่วง
- ใจสั่น
- คลื่นไส้หรือปวดท้อง
- ผลข้างเคียงรุนแรง (หยุดยาและแจ้งแพทย์ทันที):
- ความดันโลหิตต่ำรุนแรง: วิงเวียนรุนแรง, เป็นลม
- อาการแพ้: ผื่น, คัน, บวมที่หน้า/คอ, หายใจลำบาก
- เจ็บหน้าอกหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ปัสสาวะลำบากผิดปกติ (ในผู้ป่วย BPH)
- หมายเหตุ: ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะลดลงภายใน 2-3 สัปดาห์ หากอาการรุนแรงหรือคงอยู่นานกว่านั้น ให้ปรึกษาแพทย์
วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียงของยา
- รับประทานยาครั้งแรกก่อนนอนและนอนพัก 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันอาการหน้ามืด
- รับประทานยาพร้อมอาหารหากมีอาการคลื่นไส้หรือปวดท้อง
- เปลี่ยนท่าทางช้าๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อความดันโลหิตต่ำ
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาที่เพิ่มอาการง่วงหรือวิงเวียน
- หยุดยาและพบแพทย์ทันทีหากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบากหรือบวมที่หน้า/คอ
หากลืมใช้ยาต้องทำอย่างไร
- รับประทานยาทันทีที่นึกได้ หากห่างจากมื้อถัดไปเกิน 4 ชั่วโมง
- หากใกล้ถึงเวลายาครั้งถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานตามกำหนดปกติ
- ห้ามเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่าเพื่อชดเชย
- แจ้งแพทย์หากลืมยาบ่อยครั้ง
การเก็บยา
- เก็บในภาชนะเดิม ปิดสนิท และพ้นมือเด็ก
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง (15-30°C) หลีกเลี่ยงความร้อน, ความชื้น, และแสงแดดโดยตรง
- ตรวจสอบวันหมดอายุและทิ้งยาที่เสื่อมสภาพ
สรุป
Prazosin เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดันโลหิตสูงและบรรเทาอาการจากต่อมลูกหมากโต รวมถึงการใช้ในบางกรณี เช่น ลดฝันร้ายจาก PTSD การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยเฉพาะการเริ่มใช้ยาครั้งแรกเพื่อป้องกันความดันโลหิตต่ำ การปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น รับประทานยาให้สม่ำเสมอ, หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์, และติดตามผลการรักษา จะช่วยให้การรักษาปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
