Diuretics: คู่มือการใช้งานและข้อมูลสำคัญ
วันที่เรียบเรียง: 18 มิถุนายน 2568
ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภานุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
ยานี้คืออะไร
ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) หรือที่รู้จักในชื่อ "ยาขับปัสสาวะ" เป็นยาที่ช่วยเพิ่มการขับน้ำและเกลือแร่ (เช่น โซเดียม, คลอไรด์, โพแทสเซียม) ออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะ ใช้รักษาภาวะที่เกี่ยวข้องกับการสะสมน้ำในร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง, หัวใจล้มเหลว, บวมน้ำ, และโรคไตบางชนิด การขับโซเดียมและคลอไรด์ทำให้ปริมาณน้ำในร่างกายลดลง ส่งผลให้ปริมาตรเลือดและความดันโลหิตลดลง Diuretics แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก:
-
Thiazide Diuretics: เช่น Chlorothiazide, Hydrochlorothiazide, Indapamide, Metolazone, Chlorthalidone
-
Loop Diuretics: เช่น Bumetanide, Ethacrynic Acid, Furosemide , Torsemide
-
Potassium-Sparing Diuretics: เช่น Amiloride, Eplerenone, Spironolactone, Triamterene
ในประเทศไทย มีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น Lasix (Furosemide), Diamox (Acetazolamide), หรือยาสามัญ รูปแบบยา ได้แก่ ยาเม็ด, ยาน้ำ, และยาฉีด
กลไกการออกฤทธิ์
Diuretics ออกฤทธิ์โดยเพิ่มการขับปัสสาวะผ่านกลไกที่แตกต่างกัน:
-
Thiazide Diuretics: ยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมและคลอไรด์ที่ Distal Convoluted Tubule ในไต ลดปริมาตรน้ำและความดันโลหิต
-
Loop Diuretics: ยับยั้งการดูดกลับของโซเดียม, คลอไรด์, และโพแทสเซียมที่ Loop of Henle ขับน้ำและเกลืออย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับหัวใจล้มเหลวหรือบวมน้ำรุนแรง
-
Potassium-Sparing Diuretics: ลดการขับโพแทสเซียมโดยยับยั้งการทำงานของโซเดียมช่องใน Collecting Tubule หรือต้าน aldosterone (เช่น Spironolactone)
ช่วยลดภาระหัวใจ, ลดความดันโลหิต, และลดอาการบวมน้ำ
ข้อบ่งชี้การใช้
Diuretics ใช้เพื่อ:
-
ความดันโลหิตสูง (Hypertension): เป็นยาตัวแรกที่แนะนำในแนวทางรักษา (มักใช้ Thiazide)
-
หัวใจล้มเหลว (Heart Failure): ลดการสะสมน้ำ ลดอาการหายใจลำบากและบวม (มักใช้ Loop Diuretics)
-
บวมน้ำ (Edema): จากหัวใจล้มเหลว, โรคตับแข็ง (Cirrhosis), โรคไต (Nephrotic Syndrome, ไตวาย)
-
โรคไต: ควบคุมสมดุลน้ำและเกลือ ลดการขับแคลเซียม ช่วยป้องกันนิ่วในไต
-
ภาวะอื่น:
-
Polycystic Ovary Syndrome (Spironolactone ช่วยลดอาการจากฮอร์โมน)
-
โรคเบาจืด (Diabetes Insipidus, บางชนิดเช่น Thiazide)
-
กระดูกพรุน (Thiazide ลดการขับแคลเซียม)
-
ต้อหิน (Acetazolamide ลดความดันในลูกตา)
-
Hyperaldosteronism (Spironolactone)
ขนาดและวิธีใช้
-
รูปแบบยา:
-
ยาเม็ด: เช่น Furosemide (20, 40 มก.), Hydrochlorothiazide (12.5, 25, 50 มก.), Spironolactone (25, 100 มก.)
-
ยาน้ำ: เช่น Furosemide Syrup
-
ยาฉีด: เช่น Furosemide (10 มก./มล.), Mannitol (ใช้ในโรงพยาบาล)
-
วิธีใช้:
-
รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ตอนเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
-
รับประทานพร้อมหรือไม่มีอาหารก็ได้
-
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะโรค, การทำงานของไต, และระดับอิเล็กโทรไลต์
-
ห้ามหยุดยาทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้อาการบวมหรือความดันแย่ลง
-
ขนาดยา (ตัวอย่าง):
-
Hydrochlorothiazide (ความดันโลหิตสูง):
-
Furosemide (หัวใจล้มเหลว/บวมน้ำ):
-
Spironolactone (หัวใจล้มเหลว/Hyperaldosteronism):
-
เริ่มต้น: 25-100 มก./วัน
-
สูงสุด: 400 มก./วัน
-
ผู้สูงอายุ/ไตบกพร่อง: เริ่มขนาดต่ำและติดตามอิเล็กโทรไลต์อย่างใกล้ชิด
-
หมายเหตุ:
-
ต้องตรวจระดับโพแทสเซียม, โซเดียม, และการทำงานของไต (CrCl) เป็นประจำ
-
การปรับขนาดยาควรทำโดยแพทย์ตามการตอบสนองและผลข้างเคียง
ข้อแนะนำในการรับประทานยา
-
รับประทานยาตอนเช้าเพื่อลดการรบกวนการนอนจากการปัสสาวะบ่อย
-
ดื่มน้ำเพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ (ยกเว้นแพทย์สั่งจำกัดน้ำ)
-
รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย, ส้ม, อะโวคาโด) หากใช้ Thiazide หรือ Loop Diuretics
-
หลีกเลี่ยงอาหารโพแทสเซียมสูงหรืออาหารเสริมโพแทสเซียม หากใช้ Potassium-Sparing Diuretics
-
ควบคุมอาหารโซเดียมต่ำเพื่อลดบวมน้ำและสนับสนุนการรักษาความดันโลหิต
-
ชั่งน้ำหนักทุกวัน หากน้ำหนักเพิ่ม >2 กก. ใน 1-2 วัน หรือลดลงมากเกินไป แจ้งแพทย์
-
ตรวจความดันโลหิตและระดับน้ำตาล/ไขมันในเลือดเป็นประจำ
-
แจ้งแพทย์หากมีอาการ เช่น มึนงง, กระหายน้ำบ่อย, ตะคริว, หรือปัสสาวะน้อยลง
-
พบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจอิเล็กโทรไลต์, การทำงานของไต, และ ECG (หากสงสัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ)
-
แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทั้งหมด รวมถึงยาซื้อเองและสมุนไพร
ข้อห้ามในการใช้ยา
-
ห้ามใช้ในผู้ที่มี:
-
แพ้ Diuretics หรือยาในกลุ่ม Sulfonamide (สำหรับ Thiazide หรือ Loop Diuretics)
-
ภาวะขาดน้ำรุนแรง หรืออิเล็กโทรไลต์ผิดปกติที่ไม่ได้รับการแก้ไข (เช่น โพแทสเซียมต่ำ, โซเดียมต่ำ)
-
Anuria (ไม่มีการสร้างปัสสาวะ) ในผู้ป่วยไตวายรุนแรง
-
Hyperkalemia (โพแทสเซียมสูง) สำหรับ Potassium-Sparing Diuretics
-
ตับวายรุนแรง (สำหรับบางยา เช่น Spironolactone)
ข้อระวังในการใช้ยา
-
ใช้ด้วยความระวังในผู้ที่มี:
-
ไตหรือตับบกพร่อง (ปรับขนาดยาและตรวจการทำงานของอวัยวะ)
-
ผู้สูงอายุ (>65 ปี) เนื่องจากเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
-
โรคเกาต์ (Thiazide อาจเพิ่มกรดยูริก)
-
เบาหวาน (Thiazide อาจเพิ่มน้ำตาลในเลือด)
-
ไขมันในเลือดสูง (Thiazide อาจเพิ่มไตรกลีเซอไรด์)
-
โรคหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ (เสี่ยงจากโพแทสเซียมต่ำ)
-
หญิงตั้งครรภ์ (ประเภท C หรือ D ขึ้นกับยา): ใช้ได้หากจำเป็น ภายใต้การดูแลแพทย์
-
หญิงให้นมบุตร: ปรึกษาแพทย์ เพราะยาอาจขับออกในน้ำนม
-
หลีกเลี่ยงยาหรืออาหารเสริมที่กระทบอิเล็กโทรไลต์ เช่น ACE Inhibitors, Potassium Supplements
-
แจ้งแพทย์หากมีอาการ เช่น ผื่น, ประจำเดือนผิดปกติ, หรือเต้านมโต (ใน Spironolactone)
อาการที่ต้องระวัง
-
อิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ:
-
โพแทสเซียมต่ำ (Hypokalemia): ตะคริว, อ่อนแรง, ใจสั่น
-
โพแทสเซียมสูง (Hyperkalemia, ใน Potassium-Sparing): คลื่นไส้, หัวใจเต้นผิดจังหวะ
-
โซเดียมต่ำ (Hyponatremia): สับสน, ปวดศีรษะ, ชัก
-
ภาวะขาดน้ำ:
-
อื่น ๆ:
-
อาการแพ้: ผื่น, หายใจลำบาก, บวมหน้า/คอ
-
เกาต์กำเริบ (ปวดข้อจากกรดยูริกสูง)
-
น้ำตาลในเลือดสูง, ไขมันในเลือดสูง
-
ตับอักเสบ (พบน้อย): ตัว/ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม
-
ประจำเดือนผิดปกติ, เต้านมโต (ใน Spironolactone)
-
การตรวจพิเศษ:
ปฏิกิริยาระหว่างยา
-
ยาที่เพิ่มผลข้างเคียง Diuretics:
-
ยาเบาหวาน: Thiazide อาจเพิ่มน้ำตาลในเลือด
-
Digoxin: โพแทสเซียมต่ำ (จาก Thiazide/Loop) เพิ่มความเสี่ยงพิษจาก Digoxin
-
Lithium: Diuretics ลดการขับ Lithium ทำให้ระดับยาคั่ง
-
ACE Inhibitors, ARBs, NSAIDs (เช่น Ibuprofen): เพิ่มโพแทสเซียมสูง (กับ Potassium-Sparing) หรือลดประสิทธิภาพ Diuretics
-
ยาที่ลดประสิทธิภาพ Diuretics:
-
อาหาร/เครื่องดื่ม:
-
แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา, อาหารเสริม, หรือสมุนไพรทั้งหมด
ผลข้างเคียง
วิธีลดผลข้างเคียง
-
รับประทานยาตามขนาดที่แพทย์สั่ง
-
ดื่มน้ำเพียงพอและหลีกเลี่ยงการยืนนานเพื่อป้องกันมึนงง
-
รับประทานอาหารโพแทสเซียมสูง (สำหรับ Thiazide/Loop) หรือหลีกเลี่ยง (สำหรับ Potassium-Sparing)
-
ลุกจากที่นั่งหรือนอนช้า ๆ เพื่อป้องกันความดันต่ำ
-
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และ NSAIDs
-
ใช้ครีมกันแดดหากมีผื่นหรือไวต่อแสง
-
หยุดยาและพบแพทย์หากมีสัญญาณรุนแรง เช่น ปัสสาวะน้อยหรือใจสั่น
การลืมรับประทานยา
-
หากลืมภายใน 6 ชม. รับประทานทันทีที่นึกได้
-
หากเกิน 6 ชม. ข้ามมื้อนั้นและรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ อย่ารับประทานสองเท่า
-
แจ้งแพทย์หากลืมบ่อยหรือมีอาการ เช่น บวมหรือหายใจลำบาก
การรับประทานยาเกินขนาด
-
อาการ: ขาดน้ำรุนแรง, ความดันต่ำ, อิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ, สับสน
-
ติดต่อโรงพยาบาลทันที อาจต้องให้สารน้ำหรือแก้ไขอิเล็กโทรไลต์
การเก็บยา
-
เก็บในภาชนะเดิม ปิดสนิท ป้องกันแสง
-
เก็บที่อุณหภูมิ 15-30°C ห่างจากความร้อน, ความชื้น, และแสงแดด
-
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
-
ทิ้งยาที่หมดอายุ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
-
Diuretics ใช้รักษาอะไร?
ใช้รักษาความดันโลหิตสูง, หัวใจล้มเหลว, บวมน้ำ, โรคไต, ต้อหิน, และกระดูกพรุน
-
Diuretics ทำให้ปัสสาวะบ่อยหรือไม่?
ใช่ โดยเฉพาะ Furosemide อาการจะดีขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ แนะนำรับประทานตอนเช้า
-
ต้องหลีกเลี่ยงอาหารอะไรเมื่อใช้ Diuretics?
หลีกเลี่ยงอาหารโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย) หากใช้ Potassium-Sparing Diuretics และควบคุมโซเดียมต่ำ
-
Diuretics ปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์หรือไม่?
ขึ้นกับชนิดยา (ประเภท C หรือ D) ใช้ได้หากจำเป็น ภายใต้การดูแลแพทย์
-
ผลข้างเคียง เช่น ตะคริวหรือน้ำตาลสูง จัดการอย่างไร?
รับประทานอาหารโพแทสเซียมสูง (สำหรับ Thiazide/Loop), ตรวจน้ำตาลสม่ำเสมอ, และปรึกษาแพทย์หากอาการรุนแรง
สรุป
Diuretics เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดันโลหิตสูง, หัวใจล้มเหลว, บวมน้ำ, และภาวะอื่น เช่น นิ่วในไตหรือต้อหิน ช่วยขับน้ำและเกลือส่วนเกินออกจากร่างกาย การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น อิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ, ขาดน้ำ, หรือเกาต์ ผู้ป่วยควรตรวจอิเล็กโทรไลต์, การทำงานของไต, น้ำตาล, และไขมันในเลือดสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารโซเดียมต่ำ และชั่งน้ำหนักทุกวัน การปฏิบัติตามคำแนะนำและปรับพฤติกรรมจะช่วยให้การรักษาปลอดภัยและได้ผลดี
