ยาขับปัสสาวะ Diuretics

ยาขับปัสสาวะเป็นยาที่ขับน้ำ และเกลือออกจากร่างกาย โดยการขับโซเดี่ยม คลอไรด์ ออกทางไตซึ่งแร่ธาตุทั้งสองจะดึงน้ำออกไปด้วย จึงทำให้ปริมาณน้ำ เกลือโซเดี่ยม คลอไรด์ ลดลง ผลจากเกลือดลงและปริมาณเลือดลดลงทำให้ความดันโลหิตลดลง

ยาขับปัสสาวะแบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม

ยาขับปัสสาวะแบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้แก่

กลุ่ม thiazide ได้แก่

กลุ่ม loop diureticsได้แก่

กลุ่ม potassium-sparing diuretics ได้แก่

ประโยชน์ของยาขับปัสสาวะ

ความปลอดภัยในการใช้ยาขับปัสสาวะ

โดยทั่วไปยาขับปัสสาวะเป็นยาที่ค่อนข้างจะปลอดภัยอาการข้างเคียงคือการปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับประทานยา furosemide อาการจะดีขึ้นเมื่อรับประทานยาไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ ผลข้างเคียงอื่นๆ

  • โซเดี่ยมในเลือดต่ำ(hyponatremia)
  • มึนงง
  • ปวดศีรษะ
  • หิวน้ำบ่อย
  • ตะคริว
  • น้ำตาลในเลือดสูง
  • ไขมันในเลือดสูง
  • ผื่น
  • โรคเก๊าต์
  • ประจำเดือนผิดปกติ
  • เต้านมโต(สำหรับยาขับปัสสาวะบางชนิด)

ปฏิกิริยากับยาชนิดอื่น

  • เมื่อใช้ยาขับปัสสาวะร่วมกับยารักษาโรคเบาหวาน พบว่ายาขับปัสสาวะจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ดังนั้นจะต้องติดตามน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้น
  • เมื่อใช้ยาขับปัสสาวะร่วมกับยา Digoxin ยาขับปัสสาวะจะทำให้โปแทสเซี่ยมในเลือดต่ำซึ่งจะให้เกิดผลข้างเคียงจากยา Digoxin เพิ่มขึ้น
  • ยาขับปัสสาวะจะลดการขับ Lithium ทำให้เกิดการคั่งของยาเพิ่มขึ้นซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง
  • ยาขับปัสสาวะกลุ่ม Potassium-sparing เมื่อให้ร่วมกับยาลดความดันโลหิตกลุ่ม  angiotensin converting enzyme(ACE) inhibitors หรือยาแก้ปวดกลุ่ม nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) จะทำให้ระดับโปแทสเซี่ยมในเลือดสูงขึ้น (hyperkalemia).

เมื่อได้รับยาขับปัสสาวะควรจะต้องเฝ้าดูอะไรบ้าง

  • ตรวจเกลือแร่ การทำงานของไตก่อนให้ยาขับปัสสาว และระหว่างการรักษาตามความเหมาะสม
  • ตรวจความดันโลหิตและภาวะน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย หากร่างกายขาดน้ำก็ไม่ควรจะได้รับยาขับปัสสาวะ
  • ตรวจระดับน้ำตาลและไขมันเพราะทั้งน้ำตาลและไขมันอาจจะสูงขึ้นเมื่อได้รับยาขับปัสสาวะ
  • ชั่งน้ำหนัก

Thiazide | Furosemide | Indapamide | Spironolactone | Moduretic