หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
วันที่เรียบเรียง: 19 มิถุนายน 2568
ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภานุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
Indapamide (อินดาพาไมด์) เป็นยาในกลุ่ม Thiazide-like Diuretics ใช้รักษาความดันโลหิตสูง (Hypertension) และภาวะบวมน้ำ (Edema) ที่เกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจล้มเหลว โดยขับน้ำและเกลือโซเดียมออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะ ช่วยลดปริมาณของเหลวในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อ ลดภาระการทำงานของหัวใจ และควบคุมความดันโลหิต ในประเทศไทย มีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น Natrilix SR, Lozol, หรือยาสามัญ รูปแบบยา ได้แก่ ยาเม็ด (1.25 มก., 2.5 มก.) และยาเม็ดออกฤทธิ์นาน (Sustained Release, SR, 1.5 มก.)
Indapamide ออกฤทธิ์โดย:
ยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมและคลอไรด์ ในส่วน Distal Convoluted Tubule ของไต ทำให้:
เพิ่มการขับโซเดียม, คลอไรด์, น้ำ, และโพแทสเซียมทางปัสสาวะ
ลดปริมาณของเหลวในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อ ลดภาวะบวมน้ำ
ลดความดันโลหิต โดยลดปริมาณน้ำในร่างกายและขยายหลอดเลือด (Vasodilatory Effect)
ลดภาระการทำงานของหัวใจ ในภาวะหัวใจล้มเหลว
Indapamide ใช้เพื่อ:
ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ใช้เดี่ยวหรือร่วมกับยาลดความดันอื่น เช่น ACE Inhibitors (เช่น Enalapril) หรือ Beta-Blockers (เช่น Atenolol)
ภาวะบวมน้ำ (Edema): รักษาอาการบวมจากภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure, CHF)
ภาวะอื่น (Off-Label): เช่น การจัดการภาวะโพแทสเซียมสูงในบางกรณี
รูปแบบยา:
ยาเม็ด: 1.25 มก., 2.5 มก.
ยาเม็ดออกฤทธิ์นาน (SR): 1.5 มก.
วิธีใช้:
รับประทานวันละ 1 ครั้ง โดยทั่วไปตอนเช้า เพื่อหลีกเลี่ยงการปัสสาวะตอนกลางคืน
รับประทานพร้อมหรือไม่มีอาหารก็ได้
กลืนยาเม็ดทั้งเม็ดพร้อมน้ำ 1 แก้ว ห้ามบดหรือเคี้ยว
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะโรค, การตอบสนอง, และการทำงานของไต
ห้ามหยุดยาทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้ความดันสูงหรือบวมน้ำกำเริบ
ขนาดยา:
ความดันโลหิตสูง:
ผู้ใหญ่: เริ่มต้น 1.25 มก. หรือ 1.5 มก. (SR) วันละครั้ง หากความดันไม่ลดใน 4 สัปดาห์ เพิ่มเป็น 2.5 มก. หรือสูงสุด 5 มก./วัน
ผู้สูงอายุ (>65 ปี): เริ่มต้น 1.25 มก. หรือ 1.5 มก. (SR) ปรับขนาดช้า ๆ
ภาวะบวมน้ำจากหัวใจล้มเหลว:
ผู้ใหญ่: เริ่มต้น 2.5 มก. วันละครั้ง หากไม่ตอบสนองใน 1-2 สัปดาห์ เพิ่มเป็น 5 มก./วัน
ผู้สูงอายุ: เริ่มต้น 1.25 มก. หรือ 1.5 มก. (SR)
ไตบกพร่อง: ปรับขนาดตาม CrCl และติดตามการทำงานของไต
หมายเหตุ:
ตรวจความดันโลหิต, น้ำหนัก, และอาการบวมทุกวัน
ตรวจเลือด (โพแทสเซียม, โซเดียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม, CrCl, eGFR) ก่อนและหลังเริ่มยา (ภายใน 1-4 สัปดาห์)
อาการบวมควรดีขึ้นภายใน 1-2 วัน หากไม่ดีขึ้น แจ้งแพทย์
หลีกเลี่ยงรับประทานยาตอนเย็น (หลัง 16:00) เพื่อป้องกันการปัสสาวะรบกวนการนอน
รับประทานยาเวลาเดียวกันทุกวัน (เช่น ทุกเช้า) เพื่อผลการรักษาที่ดี
ดื่มน้ำเพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะหากมีอาการท้องเสียหรือเหงื่อออกมาก
รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย, ส้ม, มันฝรั่ง) หรือใช้ยาเสริมโพแทสเซียมตามแพทย์สั่ง
หลีกเลี่ยงเกลือทดแทนที่มีโพแทสเซียมโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ควบคุมอาหารโซเดียมต่ำ (เช่น ลดอาหารเค็ม, อาหารแปรรูป) เพื่อลดบวมน้ำ
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เพราะเพิ่มความเสี่ยงขาดน้ำและความดันต่ำ
เปลี่ยนอิริยาบถช้า ๆ (จากนั่งหรือนอนเป็นยืน) เพื่อป้องกันวิงเวียน
ตรวจความดันโลหิตและน้ำหนักทุกวัน (แจ้งแพทย์หาก <90/60 mmHg หรือน้ำหนักลด/เพิ่มผิดปกติ)
แจ้งแพทย์หากมีอาการ เช่น ปัสสาวะน้อย, กระหายน้ำ, ผิวแห้ง, เป็นตะคริว, หรือเวียนศีรษะ
พบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจการทำงานของไต (CrCl, eGFR), ตับ (LFT), เกลือแร่ (โพแทสเซียม, โซเดียม), น้ำตาล, และกรดยูริก
หากต้องผ่าตัด (รวมถึงทันตกรรม) แจ้งแพทย์ว่ากำลังใช้ Indapamide
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน: ตรวจน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้น เพราะยาอาจทำให้น้ำตาลสูง
ห้ามใช้ในผู้ที่มี:
แพ้ Indapamide หรือยาในกลุ่ม Sulfonamides (เช่น Sulfamethoxazole)
ไม่มีปัสสาวะเลย (Anuria) เช่น ไตวายรุนแรง
โพแทสเซียมต่ำรุนแรง (Hypokalemia) หรือ โซเดียมต่ำรุนแรง (Hyponatremia) ที่ไม่ได้รับการแก้ไข
ภาวะขาดน้ำรุนแรง หรือ ความดันต่ำรุนแรง
ตับวายรุนแรง พร้อมอาการโคม่า (Hepatic Coma)
ใช้ด้วยความระวังในผู้ที่มี:
ไตบกพร่อง: เสี่ยงไตวายเพิ่มขึ้น ติดตาม CrCl/eGFR
ตับบกพร่อง: เสี่ยงตับวายหรือโพแทสเซียมต่ำ
ผู้สูงอายุ (>65 ปี): ไวต่อผลข้างเคียง เช่น ขาดน้ำ, ความดันต่ำ, หรือโพแทสเซียมต่ำ
โรคเก๊าท์: เสี่ยงกรดยูริกสูงและกำเริบ (เพิ่ม 0.69-1.0 มก./100 มล. ตามขนาดยา)
เบาหวาน: เสี่ยงน้ำตาลสูง (เพิ่ม ~6.47 มก./ดล.)
โรคภูมิคุ้มกัน เช่น Lupus (SLE): เสี่ยงแพ้ยาหรือไตอักเสบ
ภาวะขาดน้ำ หรือ ความดันต่ำ (เช่น อาเจียน, ท้องเสีย, เหงื่อออกมาก)
ประวัติแพ้ Sulfonamides: เสี่ยงแพ้ Indapamide
หญิงตั้งครรภ์ (ประเภท D): หลีกเลี่ยง เนื่องจากเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ใช้เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นและประโยชน์มากกว่าโทษ
หญิงให้นมบุตร: หลีกเลี่ยง เพราะยาขับออกในน้ำนมและอาจลดการสร้างน้ำนม
หลีกเลี่ยง NSAIDs (เช่น Ibuprofen) เพราะลดประสิทธิภาพยาและเสี่ยงไตวาย
แจ้งแพทย์หากมีอาการ เช่น ปัสสาวะน้อย, ผื่น, ปวดกล้ามเนื้อ, หรือใจสั่น
รุนแรง (หยุดยาและพบแพทย์ทันที):
อาการแพ้: ผื่นลมพิษ, คัน, บวมหน้า/ตา/ปาก/ลิ้น/คอ, หายใจหรือกลืนลำบาก
ขาดน้ำรุนแรง: กระหายน้ำมาก, ผิว/ปากแห้ง, ปัสสาวะน้อยหรือไม่ออก, ความดันต่ำ
โพแทสเซียมต่ำ: เป็นตะคริว, อ่อนแรง, ใจสั่น, หัวใจเต้นเร็ว
ไตวาย: ปัสสาวะน้อย, บวมน้ำหนักเพิ่ม, อ่อนเพลีย
ตับวาย: ตัว/ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, สับสน
ผื่นรุนแรง: Stevens-Johnson Syndrome, Toxic Epidermal Necrolysis
ควรปรึกษาแพทย์:
มึนงง, ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ, ซึม
ผื่น, คัน, หรือไวต่อแสงแดด (Photosensitivity)
น้ำตาลสูง: หิวบ่อย, กระหายน้ำ, ปัสสาวะบ่อย
กรดยูริกสูง: ปวดข้อ, โรคเก๊าท์กำเริบ
การตรวจพิเศษ:
ตรวจเกลือแร่ (โพแทสเซียม, โซเดียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม), CrCl/eGFR, LFT, CBC, น้ำตาล, กรดยูริก
ECG หากสงสัยโพแทสเซียมต่ำหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในหัวใจล้มเหลว: ตรวจ NT-proBNP หรือ Echocardiogram
ยาที่เพิ่มผลข้างเคียง Indapamide:
Lithium: เพิ่มระดับ Lithium เสี่ยงพิษ
ACE Inhibitors (เช่น Enalapril) หรือ ARBs (เช่น Losartan): เสี่ยงความดันต่ำและไตวาย
NSAIDs (เช่น Ibuprofen, Aspirin): ลดประสิทธิภาพ Indapamide และเสี่ยงไตวาย
Corticosteroids (เช่น Prednisolone): เพิ่มความเสี่ยงโพแทสเซียมต่ำ
Digoxin: เสี่ยงพิษจาก Digoxin หากโพแทสเซียมต่ำ
ยาที่ Indapamide อาจรบกวน:
ยารักษาเบาหวาน: เสี่ยงน้ำตาลสูง
ยารักษาโรคเก๊าท์: เสี่ยงกรดยูริกสูง
อาหาร/เครื่องดื่ม:
อาหารโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย, ส้ม): ช่วยป้องกันโพแทสเซียมต่ำ
เกลือทดแทนที่มีโพแทสเซียม: เสี่ยงโพแทสเซียมสูง
แอลกอฮอล์: เสี่ยงขาดน้ำและความดันต่ำ
แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา, วิตามิน, อาหารเสริม, หรือสมุนไพรทั้งหมด
พบบ่อย:
ขาดน้ำ: กระหายน้ำ, ผิว/ปากแห้ง, ปัสสาวะน้อย
โพแทสเซียมต่ำ: เป็นตะคริว, อ่อนแรง, ใจสั่น, หัวใจเต้นเร็ว
ความดันต่ำ: มึนงง, หน้ามืด, เป็นลม
ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ, ซึม
ผื่น, คัน
รุนแรง (พบน้อย):
อาการแพ้: ผื่นลมพิษ, บวมหน้า/ปาก/ลิ้น/คอ, หายใจลำบาก
ไตวาย: ปัสสาวะน้อย, อ่อนเพลีย, บวมน้ำ
ตับวาย: ตัว/ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, สับสน
ผื่นรุนแรง: Stevens-Johnson Syndrome, Toxic Epidermal Necrolysis
น้ำตาลสูง, กรดยูริกสูง, โรคเก๊าท์กำเริบ
หากพบอาการรุนแรง หยุดยาและพบแพทย์ทันที
รับประทานยาตามขนาดที่แพทย์สั่ง
ดื่มน้ำเพียงพอและหลีกเลี่ยงการขาดน้ำ
รับประทานอาหารโพแทสเซียมสูงหรือใช้ยาเสริมตามแพทย์สั่ง
เปลี่ยนอิริยาบถช้า ๆ หากหน้ามืด นั่งหรือนอนราบ
หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือใช้ครีมกันแดดหากไวต่อแสง
หากมีผื่น, ปัสสาวะน้อย, หรือปวดกล้ามเนื้อ หยุดยาและพบแพทย์ทันที
หากลืมภายใน 6 ชม. รับประทานทันทีที่นึกได้
หากเกิน 6 ชม. หรือใกล้เวลานอน ข้ามมื้อนั้นและรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ อย่ารับประทานสองเท่า
แจ้งแพทย์หากลืมบ่อยหรือมีอาการ เช่น บวมน้ำหรือความดันสูง
อาการ: ขาดน้ำรุนแรง, ความดันต่ำ, โพแทสเซียมต่ำ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ช็อก, สับสน
ติดต่อโรงพยาบาลทันที อาจต้องให้สารน้ำและเกลือแร่
เก็บในภาชนะเดิม ปิดสนิท ป้องกันแสงและความชื้น
เก็บที่อุณหภูมิ 15-30°C
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ทิ้งยาที่หมดอายุโดยปรึกษาเภสัชกร
Indapamide ใช้รักษาอะไร?
ใช้รักษาความดันโลหิตสูงและภาวะบวมน้ำจากหัวใจล้มเหลว
ทำไม Indapamide ทำให้โพแทสเซียมต่ำ?
เพราะยาขับโพแทสเซียมออกทางปัสสาวะ รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงหรือใช้ยาเสริมตามแพทย์สั่ง
ต้องหลีกเลี่ยงอะไรเมื่อใช้ Indapamide?
หลีกเลี่ยง NSAIDs, แอลกอฮอล์, และยา เช่น Lithium, Corticosteroids
Indapamide ปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์หรือไม่?
ประเภท D หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ปรึกษาแพทย์
ผลข้างเคียง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ หรือ ปัสสาวะน้อย จัดการอย่างไร?
หยุดยาและพบแพทย์ทันที
Indapamide เป็นยาขับปัสสาวะที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดันโลหิตสูงและภาวะบวมน้ำจากหัวใจล้มเหลว ช่วยลดน้ำและโซเดียมในร่างกาย การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น โพแทสเซียมต่ำ, ขาดน้ำ, และกรดยูริกสูง ผู้ป่วยควรตรวจเกลือแร่, การทำงานของไต, และน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยง NSAIDs, แอลกอฮอล์, และยาที่รบกวนเกลือแร่ การปฏิบัติตามคำแนะนำและควบคุมอาหารโซเดียมต่ำจะช่วยให้การรักษาปลอดภัยและได้ผลดี
Thiazide | Furosemide | Indapamide | Spironolactone | Moduretic