Furosemide: คู่มือการใช้งานและข้อมูลสำคัญ
วันที่เรียบเรียง: 18 มิถุนายน 2568
ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภานุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
ยานี้คืออะไร
Furosemide (ฟูโรซีไมด์) เป็นยาในกลุ่ม Loop Diuretics ใช้ขับน้ำและเกลือส่วนเกินออกทางปัสสาวะ เพื่อรักษาภาวะบวมน้ำ (Edema) และความดันโลหิตสูง (Hypertension) ยานี้ช่วยลดปริมาณของเหลวในร่างกาย ลดภาระการทำงานของหัวใจ และควบคุมความดันโลหิต ในประเทศไทย มีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น Lasix, Fusid, หรือยาสามัญ รูปแบบยา ได้แก่ ยาเม็ด (20, 40, 500 มก.), ยาน้ำแขวนตะกอน (10 มก./มล.), และยาฉีด (10 มก./มล.)
กลไกการออกฤทธิ์
Furosemide ออกฤทธิ์โดย:
-
ยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมและคลอไรด์ ในส่วน Henle’s Loop ของไต ทำให้:
-
เพิ่มการขับโซเดียม, คลอไรด์, น้ำ, และโพแทสเซียมทางปัสสาวะ
-
ลดปริมาณของเหลวในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อ ลดภาวะบวมน้ำ
-
ลดความดันโลหิตโดยลดปริมาณน้ำในร่างกายและขยายหลอดเลือดเล็กน้อย
-
ลดภาระการทำงานของหัวใจในภาวะหัวใจล้มเหลว
ข้อบ่งชี้การใช้
Furosemide ใช้เพื่อ:
-
ภาวะบวมน้ำ (Edema): รักษาอาการบวมจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น
-
หัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure, CHF)
-
ตับแข็ง (Cirrhosis) พร้อมน้ำในช่องท้อง (Ascites)
-
โรคไต เช่น Nephrotic Syndrome หรือไตวายเรื้อรัง
-
ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ใช้เดี่ยวหรือร่วมกับยาลดความดันอื่น เช่น ACE Inhibitors หรือ Beta-Blockers
-
ภาวะอื่น (Off-Label): เช่น ภาวะโพแทสเซียมสูง (Hyperkalemia) หรือภาวะแคลเซียมสูง (Hypercalcemia)
ขนาดและวิธีใช้
-
รูปแบบยา:
-
วิธีใช้:
-
รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง โดยทั่วไปตอนเช้า เพื่อหลีกเลี่ยงการปัสสาวะตอนกลางคืน
-
รับประทานพร้อมหรือไม่มีอาหารก็ได้
-
สำหรับยาน้ำ: เขย่าขวดก่อนใช้ วัดปริมาณด้วยช้อนหรือหลอดตวงที่ให้มา
-
กลืนยาเม็ดทั้งเม็ดพร้อมน้ำ 1 แก้ว ห้ามบดหรือเคี้ยว
-
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะโรค, การตอบสนอง, และการทำงานของไต
-
ห้ามหยุดยาทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้บวมน้ำหรือความดันสูงกำเริบ
-
ขนาดยา:
-
หมายเหตุ:
-
ตรวจความดันโลหิต, น้ำหนัก, และอาการบวมทุกวัน
-
ตรวจเลือด (โพแทสเซียม, โซเดียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม, CrCl, eGFR) ก่อนและหลังเริ่มยา (ภายใน 1-4 สัปดาห์)
-
อาการบวมควรดีขึ้นภายใน 1-2 วัน หากไม่ดีขึ้น แจ้งแพทย์
-
หลีกเลี่ยงรับประทานยาตอนเย็น (หลัง 16:00) เพื่อป้องกันการปัสสาวะรบกวนการนอน
ข้อแนะนำในการรับประทานยา
-
รับประทานยาเวลาเดียวกันทุกวัน (เช่น ทุกเช้า) เพื่อผลการรักษาที่ดี
-
ดื่มน้ำเพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะหากมีอาการท้องเสียหรือเหงื่อออกมาก
-
รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย, ส้ม, มันฝรั่ง) หรือใช้ยาเสริมโพแทสเซียมตามแพทย์สั่ง
-
หลีกเลี่ยงเกลือทดแทนที่มีโพแทสเซียมโดยไม่ปรึกษาแพทย์
-
ควบคุมอาหารโซเดียมต่ำ (เช่น ลดอาหารเค็ม, อาหารแปรรูป) เพื่อลดบวมน้ำ
-
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เพราะเพิ่มความเสี่ยงขาดน้ำและความดันต่ำ
-
เปลี่ยนอิริยาบถช้า ๆ (จากนั่งหรือนอนเป็นยืน) เพื่อป้องกันวิงเวียน
-
ตรวจความดันโลหิตและน้ำหนักทุกวัน (แจ้งแพทย์หาก <90/60 mmHg หรือน้ำหนักลด/เพิ่มผิดปกติ)
-
แจ้งแพทย์หากมีอาการ เช่น ปัสสาวะน้อย, กระหายน้ำ, ผิวแห้ง, เป็นตะคริว, หรือหูอื้อ
-
พบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจการทำงานของไต (CrCl, eGFR), ตับ (LFT), เกลือแร่ (โพแทสเซียม, โซเดียม), และน้ำตาลในเลือด
-
หากต้องผ่าตัด (รวมถึงทันตกรรม) แจ้งแพทย์ว่ากำลังใช้ Furosemide
-
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน: ตรวจน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้น เพราะยาอาจทำให้น้ำตาลสูง
ข้อห้ามในการใช้ยา
-
ห้ามใช้ในผู้ที่มี:
-
แพ้ Furosemide หรือยาในกลุ่ม Sulfonamides (เช่น Sulfamethoxazole)
-
ไม่มีปัสสาวะเลย (Anuria) เช่น ไตวายรุนแรง
-
โพแทสเซียมต่ำรุนแรง (Hypokalemia) หรือโซเดียมต่ำรุนแรง (Hyponatremia) ที่ไม่ได้รับการแก้ไข
-
ภาวะขาดน้ำรุนแรง หรือความดันต่ำรุนแรง
-
ตับวายรุนแรง พร้อมอาการโคม่า (Hepatic Coma)
ข้อระวังในการใช้ยา
-
ใช้ด้วยความระวังในผู้ที่มี:
-
ไตบกพร่อง: เสี่ยงไตวายเพิ่มขึ้น ติดตาม CrCl/eGFR
-
ตับบกพร่อง: เสี่ยงตับวายหรือโพแทสเซียมต่ำ
-
ผู้สูงอายุ (>65 ปี): ไวต่อผลข้างเคียง เช่น ขาดน้ำ, ความดันต่ำ, หรือโพแทสเซียมต่ำ
-
ต่อมลูกหมากโต หรือปัสสาวะลำบาก: เสี่ยงปัสสาวะไม่ออก
-
โรคเก๊าท์: เสี่ยงกรดยูริกสูงและกำเริบ
-
เบาหวาน: เสี่ยงน้ำตาลสูง (Hyperglycemia)
-
โรคภูมิคุ้มกัน เช่น Lupus (SLE): เสี่ยงแพ้ยาหรือไตอักเสบ
-
ภาวะขาดน้ำ หรือความดันต่ำ (เช่น อาเจียน, ท้องเสีย, เหงื่อออกมาก)
-
ประวัติแพ้ Sulfonamides: เสี่ยงแพ้ Furosemide
-
หญิงตั้งครรภ์ (ประเภท C): ใช้เมื่อประโยชน์มากกว่าโทษ ปรึกษาแพทย์
-
หญิงให้นมบุตร: หลีกเลี่ยง เพราะยาขับออกในน้ำนมและอาจลดการสร้างน้ำนม
-
หลีกเลี่ยง NSAIDs (เช่น Ibuprofen) เพราะลดประสิทธิภาพยาและเสี่ยงไตวาย
-
แจ้งแพทย์หากมีอาการ เช่น หูอื้อ, ผื่น, ปัสสาวะน้อย, หรือเป็นตะคริว
อาการที่ต้องระวัง
ปฏิกิริยาระระหว่างยา
-
ยาที่เพิ่มผลข้างเคียง Furosemide:
-
Aminoglycosides (เช่น Gentamicin): เสี่ยงพิษต่อหูและไต
-
Cisplatin, Ethacrynic Acid: เสี่ยงพิษต่อหู
-
Lithium: เพิ่มระดับ Lithium เสี่ยงพิษ
-
ACE Inhibitors (เช่น Enalapril) หรือ ARBs (เช่น Losartan): เสี่ยงความดันต่ำและไตวาย
-
NSAIDs (เช่น Ibuprofen, Aspirin): ลดประสิทธิภาพ Furosemide และเสี่ยงไตวาย
-
ยาที่ลดประสิทธิภาพ Furosemide:
-
ยาที่ Furosemide อาจรบกวน:
-
อาหาร/เครื่องดื่ม:
-
อาหารโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย, ส้ม): ช่วยป้องกันโพแทสเซียมต่ำ
-
เกลือทดแทนที่มีโพแทสเซียม: เสี่ยงโพแทสเซียมสูง
-
แอลกอฮอล์: เสี่ยงขาดน้ำและความดันต่ำ
-
แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา, วิตามิน, อาหารเสริม, หรือสมุนไพรทั้งหมด
ผลข้างเคียง
วิธีลดผลข้างเคียง
-
รับประทานยาตามขนาดที่แพทย์สั่ง
-
ดื่มน้ำเพียงพอและหลีกเลี่ยงการขาดน้ำ
-
รับประทานอาหารโพแทสเซียมสูงหรือใช้ยาเสริมตามแพทย์สั่ง
-
เปลี่ยนอิริยาบถช้า ๆ หากหน้ามืด นั่งหรือนอนราบ
-
หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือใช้ครีมกันแดดหากไวต่อแสง
-
หากมีผื่น, หูอื้อ, หรือ ปัสสาวะน้อย หยุดยาและพบแพทย์ทันที
การลืมรับประทานยา
-
หากลืมภายใน 6 ชม. รับประทานทันทีที่นึกได้
-
หากเกิน 6 ชม. หรือใกล้เวลานอน ข้ามมื้อนั้นและรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ อย่ารับประทานสองเท่า
-
แจ้งแพทย์หากลืมบ่อยหรือมีอาการ เช่น บวมน้ำหรือความดันสูง
การรับประทานยาเกินขนาด
-
อาการ: ขาดน้ำรุนแรง, ความดันต่ำ, โพแทสเซียมต่ำ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ช็อก, สับสน
-
ติดต่อโรงพยาบาลทันที อาจต้องให้สารน้ำและเกลือแร่
การเก็บยา
-
เก็บในภาชนะเดิม ปิดสนิท ป้องกันแสงและความชื้น
-
ยาเม็ด: เก็บที่อุณหภูมิ 15-30°C
-
ยาน้ำ: เก็บตามฉลาก (บางยี่ห้อเก็บในตู้เย็น 2-8°C) ทิ้งยาที่ไม่ได้ใช้ภายใน 60-90 วัน
-
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตวเลี้ยง
-
ทิ้งยาที่หมดอายุโดยปรึกษาเภสัชกร
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
-
Furosemide ใช้รักษาอะไร?
-
ทำไม Furosemide ทำให้โพแทสเซียมต่ำ?
-
ต้องหลีกเลี่ยงอะไรเมื่อใช้ Furosemide?
-
Furosemide ปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์หรือไม่?
-
ผลข้างเคียง เช่น หูอื้อ หรือ บาวน้ำลดลงจัดการอย่างไร?
สรุป
Furosemide เป็นยาขับปัสสาวะที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะบวมน้ำและความดันโลหิตสูง ช่วยลดน้ำส่วนเกินและภาระการทำงานของหัวใจ การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น โพแทสเซียมต่ำ, ขาดน้ำ, และพิษต่อหู ผู้ป่วยควรตรวจเกลือแร่, การทำงานของไต, และน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยง NSAIDs, แอลกอฮอล์, และยาที่รบกวนเกลือแร่ การปฏิบัติตามคำแนะนำและปรับพฤติกรรม เช่น ควบคุมอาหารโซเดียมต่ำ จะช่วยให้การรักษาปลอดภัยและได้ผลดี
Thiazide | Furosemide | Indapamide | Spironolactone | Moduretic
