การตรวจเท้าโรคเบาหวาน

เบาหวานทุกท่านโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมาหลายปี ควรจะต้องตรวจเท้าด้วตัวเองอย่างละเอียด เพื่อที่จะค้นหาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดแผล การตรวจอย่างละเอียดทำได้ดังต่อไปนี้

1. การซักประวัติโรคเบาหวานและการตรวจเท้า

ควรซักประวัติที่เกี่ยวข้องและปัจจัยเสี่ยงต่อการถูกตัดขา ได้แก่

  • ประวัติการเจ็บป่วยเช่น ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน การควบคุมระดับน้าตาลในเลือดโดยเฉพาะน้ำตาลเฉลี่ย
  • โรคแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่นความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไตวายเรื้อรัง เบาหวานขึ้นตา
  • การสูบบุหรี่
  • พฤติกรรมการดูแลเท้า เช่น การเดินเท้าเปล่า และชนิดของรองเท้าที่สวมใส่
  • กิจกรรมที่ทำ เช่น ลักษณะงาน ชนิดของการออกกำลังกาย
  • ประวัติการมีแผลหรือถูกตัดเท้ามาก่อน รวมทั้งสาเหตุของการเกิดแผลและถูกตัดขาในคร้ังนั้น
  • ประวัติเท้าผิดรูป

ประวัติปลายประสาทอักเสบ

  • อาการปวดปลายประสาท
  • อาการชาเท้า

ประวัติเลือดไปเลี้ยงเท้าไม่พอ

  • เดินแล้วปวดน่อง
  • ปวดเท้าขณะพัก
  • แผลเบาหวานที่เท้าหายช้า

โรคแทรกซ้อนจากเลาหวาน

  • โรคเบาหวานเข้าตา
  • โรคเบาหวานเข้าไต

2.การตรวจเท้า ประกอบด้วย

2.1 การตรวจระบบประสาท ( neurological evaluation )

: เพื่อค้นหาภาวะปลายประสาทเสื่อม ( peripheral neuropathy ) ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ได้ประเมินตั้งแต่เริ่มต้น แต่มักจะตรวจในที่มีอาการปวด ชา หรือมีแผลเกิดขึ้นนแล้ว ได้แก่

  • การตรวจด้วย Monofilament test. โดยการใช้ไนล่อนเส้นเล็กทดสอบการรับความรู้สึกของผิวหนัง
  • การใช้Tuning fork การใช้ซ่อมเสียงเพื่อทดสอบการรับรู้การสั่นสะเทือนของเส้นประสาท
  • การตรวจการรับรู้ตำแหน่งของเส้นประสาท
  • การทดสอบการรับรู้เรื่องการเจ็บของผิวหนังโดยการใช้ของแหลมเล็กๆทดสอบผิวหนังว่ารับรู้หรือไมา.
  • การตรวจ Ankle reflexes. คือการใช้ค้อนยางตีไปยังเอ็นร้อยหวายจะมีการกระตุกของเท้า ถ้าไม่มีการกระตุกแสดงว่ามีความผิดปกติ หรือกระตุกมากไปก็แสดงว่ามีความผิดปกติของระบบประสาท

การตรวจระบบประสาท

2.2การตรวจระบบหลอดเลือดส่วนปลาย ( vascular screening )

เป็นการตรวจหาลักษณะการขาดเลือดเรื้อรัง เช่น ลักษณะผิวมันเป็นเงา (shiny skin) ไม่มีขนบริเวณหน้าแข็งนิ้วหัวแม่เท้า เท้าเย็น การดู capillary refill time ( ปกติควรน้อยยกว่า 5 วินาที) และการประเมินสภาพการไหลเวียนของหลอดเลือดบริเวณเท้าโดย การคลำชีพจรของหลอดเลือดเบาหรือคลำไม่ได้ อ่านหลอดเลือดขาตีบ

2.3 การตรวจระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ

เป็นการตรวจที่จะทำให้เกิดแรงกดทับที่ผิดปกติเช่นเท้าผิดรูป กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อลีบฝ่าเท้า ใหปุ้่มกระดูกชัด โครงสร้างเท้าผิดรูปจากปลายประสาทอักเสบ ทำให้กระดูกฝ่าเท้ายื่นผิดปกติ (collapsed arch) หรือ การทรงตัวผิดปกติ มีข้อจำกัดการเคลื่อนของข้อต่อบริเวณเท้า การตรวจลักษณะผิดรูป

2.4การตรวจระบบผิวหนังและเล็บ

เป็นการตรวจหาลักษณะผิวแห้ง แตก แผลถลอก ซึ่งอาจเป็นทางเข้า ของเชื้อโรคบริเวณที่ร้อน แดง หรือแข็งด้านผิดปกติบ่งบอกว่า มีแรงกดมาก เสี่ยงต่อการเกิดแผล หรือเล็บยาวเกินไปทำให้เกิดบาดแผลต่อบริเวณข้างเคียง บางรายอาจมีเล็บขบ หรือเชื้อราบริเวณง่ามนิ้วเท้า ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อลุกลาม

  1. สีผิว

สีผิวสีผิวที่เท้าจะมีสีผิวเหมือนกับสีผิวที่อื่น สีผิวที่ผิดปกติสำหรับโรคเบาหวานได้แก่

ผิวจะมีสีคล้ำเป็นด่างและมัน

ผิวสีดำหมายถึงส่วนดังกล่าวมีเนื้อตาย จากการขาดเลือด

ผิวหนังอักเสบ ผิวสีแดงและบวมหมายถึงมีการอักเสบ

เล็บขบและมีการอักเสบ

เชื้อราที่เล็บ

ฮ่องกงฟุต

  • สีที่ออกดำ และเป็นมัน ขนมักจะร่วง และหากคลำชีพขจรมักจะเบา หากนำไปตรวจ ABI มักจะต่ำกว่าI 0.9 เกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเท้าตีบ อ่านที่นี่

หากบริเวณดังกล่าวดำเข้มและผิวแห้งจะหมายถึงเนื้อเยื่อดังกล่าวตายไปแล้ว

  • สีผิวออกแดง ผิวที่มีสีออกแดงจะหมายถึงการอักเสบ สิ่งที่พบร่วมอาจจะมีแผล หรือหนอง หรือมีไข้ หมายถึงมีการอักเสบ
  1. อุณหภูมิ

โดยปกติอุณหภูมิผิวหนังของเท้าทั้งสองข้างควรจะเท่ากัน วิธีการตรวจเองโดยการใช้มือสัมผัสส่วนที่ต้องการตรวจ เมื่อเทียบกับอีกข้างหนึ่งหรือส่วนอื่นของร่างกาย ความผิดปกติที่พบได้แก่

  • อุณภูมิของผิวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับอีกข้าง หมายถึงมีการอักเสบของผิวหนังดังกล่าว หากดูผิวหนังพบว่าสีแดง แสดงว่ามีการอักเสบของผิวหนัง
  • อุณหภูมิเย็นกว่าปกติ ร่วมกับการคลำชีพขจรได้เบาและมีผิวดำและมัน แสดงว่าเลือดไปเลี้ยงไม่พอ
  • ตรวจผิวหนังว่ามีเหงื่อออกบริเวณไหนบ้าง บริเวณที่ไม่มีเหงื่อจะเป็นบริเวณที่ผิดปกติ
  1. ตรวจขน

ปกติจะพบขนบริเวณหน้าแข้ง และบริเวณนิ้วหัวแม่เท้า หากขนดังกล่าวหลุดร่วงหมายถึงว่า อาจจะมีปัญหาเรื่องเลือดไปเลี้ยงบริเวณดังกล่าวไม่พอ

  1. การติดเชื้อและเชื้อรา

บริเวณที่พบมีเชื้อราได้บ่อยได้แก่บริเวณซอกนิ้วที่เรียกว่าฮ่องกงฟุต หากไม่รักษาจะทำให้เกิดการติดเชื้อแบตทีเรีย นอกจากนั้นต้องดูผิวหนังทั่วไปว่าสีแดงซึ่งอาจจะมีการอักเสบที่เรียกว่า cellulitis

การตรวจทั่วทั้งเท้า(หลังเท้า ฝ่าเท้า ส้นเท้า และซอกนิ้ว)

เป็นการตรวจเท้าให้ครอบคลุมทั้งเท้าเพื่อดูสีผิว แผล เท้าผิดรูป การติดเชื้อ ตาปลาว่ามีหรือไม่

  1. การตรวจเล็บ

การตรวจดูเล็บเพื่อหาความผิดปกติเกี่ยวกับเล็บ เช่น เล็บขบ เชื้อราที่เล็บ เล็บงุ้มหรือไม่ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เล็บงอกแทงเนื้อ

2.5 การประเมินรองเท้าที่เหมาะสม

เป็นการตรวจดูว่า ขนาดและรูปแบบเหมาะสมหรือไม่ มีบริเวณที่รับน้ำหนักผิดปกติหรือไม่ การประเมินความพอดีของรองเท้า

การตรวจวัดความรู้สึกซึ่งจะต้องตรวจโดยแพทย์ หรือหากมีอาการเท้าชาแสดงว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องระบบประสาท ที่มาเลี้ยงที่เท้า อ่านที่นี่

การตรวจการไหลเวียน อ่านที่นี่

 

โรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน  

โรคแทรกซ้อนที่เท้า

โรคเท้าในเบาหวาน | ความรู้เกี่ยวกับเบาหวานและเท้า | การดูแลเท้าด้วยตัวเอง | การบริหารเท้า | การดูแลสุขภาพเท้า | ปัจจัยเสี่ยงของการถูกตัดเท้า | การใช้รองเท้า | การประเมินความเสี่ยงของการเกิดแผล | ชนิดของแผลเบาหวาน | การรักษา | เท้าผิดรูป | การเลือกรองเท้า

โรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน

โรคแทรกซ้อน | ภาวะฉุกเฉิน | โรคหัวใจ | โรคความดันโลหิตสูง| โรคไต  |โรคตา  |โรคปลายประสาทอักเสบ |โรคเบาหวานกับเท้า