
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ปอดบวม หรือ โรคปอดอักเสบ เป็นโรคติดเชื้อที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา ที่เข้าไปทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการไอ มีไข้ หายใจลำบาก และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เชื้อPneumococusเป็นเชื้อbacteriaชนิดgrampositiveพบในทางเดินหายใจส่วนบนเชื้อนี้ทำให้เกิดโรคในเด็กและคนชราทำให้เกิดโรคต่างๆดั้งนี้

วัคซีนป้องกันโรคปอดบวมมี 2 ประเภท คือ คอนจูเกต และโพลีแซ็กคาไรด คือ
ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคปอดบวมหรือไม่ทราบประวัติการฉีดวัคซีน ควรได้รับวัคซีนดังต่อไปนี้
ผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 19 ถึง 64 ปีที่มีภาวะทางการแพทย์บางอย่างหรือปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ และไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคปอดบวมหรือไม่ทราบประวัติการฉีดวัคซีน ควรได้รับวัคซีนดังต่อไปนี้
สภาวะทางการแพทย์และปัจจัยเสี่ยงที่ใช้ได้ ได้แก่:
สำหรับผู้ใหญ่ทั้งสองกลุ่มอายุควรให้วัคซีน PPSV23 ตามหลังวัคซีน PCV15 อย่างน้อย 1 ปี สำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ประสาทหูเทียม หรือมีน้ำไขสันหลังรั่ว ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 8 สัปดาห์ระหว่างวัคซีน PCV15 และ PPSV23 นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคปอดบวม แล้ว โปรดดูคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับการ กำหนดขนาด วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม
ขนาดยาปกติของวัคซีนแต่ละชนิดคือ
ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการ ควรได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดหลังจากการวินิจฉัย
ผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 19 ถึง 64 ปีที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดต่อโรคปอดบวม (เช่น ผู้ที่เป็นโรคม้ามทำงานหรือทางกายวิภาคไม่ปกติ โรคไตเรื้อรัง หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่นๆ รวมทั้งมะเร็งและการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์) ควรได้รับ PPSV23 ครั้งที่สอง 5 ปีหลังจากรับ PPSV23 ครั้งแรก
ทุกคนควรได้รับวัคซีน PPSV23 เมื่ออายุ 65 ปี หากผู้คนได้รับวัคซีน PPSV23 1 หรือ 2 โดสก่อนอายุ 65 ปีด้วยเหตุผลใดก็ตาม และผ่านไปแล้ว ≥ 5 ปีนับจากที่ได้รับวัคซีน PPSV23 โดสก่อนหน้านี้ พวกเขาควรได้รับวัคซีนอีกครั้งเมื่ออายุ 65 ปีหรือหลังจากนั้น โดสที่สองควรได้รับหลังจากโดสแรก 5 ปี (เช่น เมื่ออายุ 69 ปี หากได้รับโดสก่อนหน้านี้เมื่ออายุ 64 ปี) ผู้ที่ได้รับวัคซีน PPSV23 เมื่ออายุ 65 ปีหรือหลังจากนั้น ควรได้รับวัคซีนเพียงโดสเดียวเท่านั้น
หากพิจารณาใช้เคมีบำบัดมะเร็งหรือยาที่กดภูมิคุ้มกันอื่นๆ ควรเว้นระยะเวลาระหว่างการฉีดวัคซีนกับการเริ่มต้นยาที่กดภูมิคุ้มกัน ≥ 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยไม่ควรฉีดวัคซีนระหว่างการให้เคมีบำบัดหรือการฉายรังสี
วัคซีนป้องกันปอดบวม เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคนี้ โดยวัคซีนจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อที่เป็นสาเหตุของปอดบวม ทำให้เมื่อร่างกายได้รับเชื้อเหล่านี้ ภูมิคุ้มกันจะสามารถต่อสู้และกำจัดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าท่านควรได้รับวัคซีนชนิดใด และควรได้รับเมื่อใด โดยพิจารณาจากอายุและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
วัคซีนป้องกันปอดบวมมีความปลอดภัยสูง โดยอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นมักเป็นอาการเล็กน้อย เช่น ปวด บวม แดง หรือมีไข้ต่ำๆ บริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
อย่ารอให้สายเกินแก้ ปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันปอดบวมวันนี้ เพื่อปกป้องตัวคุณและคนที่คุณรักจากโรคที่ร้ายแรงนี้
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันปอดบวม ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์เฉพาะบุคคล โปรดปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของท่าน
แน่นอนครับ วัคซีน PCV13 หรือ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต 13 สายพันธุ์ (Pneumococcal Conjugate Vaccine, 13-valent) เป็นวัคซีนสำคัญที่ช่วยป้องกันโรคติดเชื้อรุนแรงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) หรือที่เรียกว่า นิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด และหูชั้นกลางอักเสบ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
PCV13 เป็นวัคซีนชนิดคอนจูเกต ซึ่งผลิตจากส่วนของเชื้อแบคทีเรียที่นำมาเชื่อมกับโปรตีนพาหะ ทำให้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีในเด็กเล็ก วัคซีนชนิดนี้เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) จึงมีความปลอดภัยสูง
ข้อห้ามหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ห้ามฉีดวัคซีนโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ หากมีข้อห้ามเหล่านี้ ไม่ควร ได้รับวัคซีน PCV13:
ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis):
เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง (เช่น หายใจลำบาก, หน้าบวม, ความดันโลหิตต่ำ, ผื่นลมพิษทั่วตัว) หลังจากได้รับวัคซีน PCV13 เข็มก่อนหน้า หรือต่อวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ (Diphtheria toxoid) เนื่องจากวัคซีน PCV13 มีโปรตีนพาหะที่ได้จากเชื้อคอตีบ
ประวัติการแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีนอย่างรุนแรง: รวมถึงสารกันเสีย หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่ระบุในฉลากยาของวัคซีน เช่น สารเสริมภูมิ (adjuvant) ที่เป็นอะลูมิเนียมฟอสเฟต
ข้อควรระวังหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง หรือทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง:
การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:
หากกำลังมีอาการป่วยเฉียบพลัน เช่น เป็นไข้สูง ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าจะหายป่วย เพื่อป้องกันความสับสนในการวินิจฉัยอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน หรือหากร่างกายอ่อนแออาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงไข้หวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถฉีดวัคซีนได้
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน:
เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS, ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังทำเคมีบำบัดหรือฉายแสง, ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันในขนาดสูง (เช่น ยาสเตียรอยด์, ยาชีวภาพ) หรือผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ
วัคซีน PCV13 เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จึงมีความปลอดภัยในการให้แก่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอาจไม่สมบูรณ์เท่ากับคนปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลงหรือไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังคงแนะนำในกลุ่มนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อนิวโมคอคคัสและเกิดอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม และอาจจำเป็นต้องมีการฉีดกระตุ้นเพิ่มเติม หรือพิจารณาร่วมกับวัคซีนชนิดอื่น (เช่น PPSV23)
ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Coagulation disorders):
เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้ง่าย
ควรแจ้งแพทย์เพื่อที่แพทย์จะได้พิจารณาเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม เช่น การใช้เข็มขนาดเล็ก หรือการกดบริเวณที่ฉีดให้นานขึ้น
หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร:
สามารถฉีดวัคซีน PCV13 ได้และถือว่าปลอดภัย เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จึงไม่คาดว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่กินนมแม่
การพิจารณาฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์มักจะทำเมื่อมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อนิวโมคอคคัส หรือตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
ทารกคลอดก่อนกำหนด (Premature infants):
ในทารกที่คลอดก่อนกำหนดมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติโรคระบบหายใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจมีข้อควรระวังหรือการปรับตารางการฉีดเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของทารก
เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพที่สำคัญแก่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้ง เช่น:
ประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้วัคซีนในอดีต (โดยเฉพาะอาการแพ้อย่างรุนแรง, แพ้วัคซีนคอตีบ หรือส่วนประกอบของวัคซีน)
โรคประจำตัว หรือภาวะสุขภาพใดๆ ที่กำลังเป็นอยู่ (โดยเฉพาะโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรคเลือด, โรคทางระบบหายใจ, โรคหัวใจ)
ยาที่กำลังรับประทานอยู่ ทั้งยาประจำตัว ยาสมุนไพร และอาหารเสริม (โดยเฉพาะยากดภูมิคุ้มกัน หรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ รวมถึงการให้นมบุตร
มีอาการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ
มีประวัติการชักจากไข้ (โดยเฉพาะในเด็กเล็ก)
การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการฉีดวัคซีนจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
แน่นอนครับ วัคซีน PPV23 หรือ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส ชนิดโพลีแซคคาไรด์ 23 สายพันธุ์ (Pneumococcal Polysaccharide Vaccine, 23-valent) เป็นวัคซีนที่ใช้สำหรับป้องกันโรคติดเชื้อรุนแรงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) หรือนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และการติดเชื้อในกระแสเลือด โดยเฉพาะในผู้ใหญ่และกลุ่มเสี่ยง
PPV23 เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) ที่ผลิตจากส่วนประกอบของเชื้อแบคทีเรีย (polysaccharide) ซึ่งมีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัคซีนชนิด polysaccharide มีข้อจำกัดในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็กเล็กมาก ทำให้วัคซีนนี้ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี แต่จะใช้ในผู้ใหญ่และเด็กโตบางกลุ่ม
ข้อห้ามหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ห้ามฉีดวัคซีนโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ หากมีข้อห้ามเหล่านี้ ไม่ควร ได้รับวัคซีน PPV23:
ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis):
เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง (เช่น หายใจลำบาก, หน้าบวม, ความดันโลหิตต่ำ, ผื่นลมพิษทั่วตัว) หลังจากได้รับวัคซีน PPV23 เข็มก่อนหน้า หรือต่อส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีน (เช่น สารกันเสีย phenol, หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่ระบุในฉลากยาของวัคซีน)
อายุน้อยกว่า 2 ปี:
เป็นข้อห้ามสำคัญ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ยังไม่สามารถสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนชนิด polysaccharide ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (การตอบสนองแบบ T-cell independent) ทำให้วัคซีนไม่ได้ผลดีในกลุ่มนี้
ในเด็กเล็ก ควรใช้วัคซีน PCV (Pneumococcal Conjugate Vaccine) แทน
ข้อควรระวังหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง หรือทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง:
การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:
หากกำลังมีอาการป่วยเฉียบพลัน เช่น เป็นไข้สูง ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าจะหายป่วย เพื่อป้องกันความสับสนในการวินิจฉัยอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน หรือหากร่างกายอ่อนแออาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงไข้หวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถฉีดวัคซีนได้
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน:
เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS, ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังทำเคมีบำบัดหรือฉายแสง, ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันในขนาดสูง (เช่น ยาสเตียรอยด์, ยาชีวภาพ) หรือผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ
วัคซีน PPV23 เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จึงมีความปลอดภัยในการให้แก่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอาจไม่สมบูรณ์เท่ากับคนปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลงหรือไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังคงแนะนำในกลุ่มนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อนิวโมคอคคัสและเกิดอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม และอาจจำเป็นต้องพิจารณาร่วมกับวัคซีน PCV13
ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Coagulation disorders):
เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือใต้ผิวหนัง ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้ง่าย
ควรแจ้งแพทย์เพื่อที่แพทย์จะได้พิจารณาเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม เช่น การใช้เข็มขนาดเล็ก หรือการกดบริเวณที่ฉีดให้นานขึ้น
หญิงตั้งครรภ์:
โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน PPV23 ในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากข้อมูลความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ยังมีจำกัด
หากหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูงมากต่อการติดเชื้อนิวโมคอคคัส และประโยชน์ของการฉีดวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงทางทฤษฎี แพทย์อาจพิจารณาให้ฉีดวัคซีนได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินเป็นรายบุคคลอย่างละเอียด
หญิงให้นมบุตร:
สามารถฉีดวัคซีน PPV23 ได้ในหญิงให้นมบุตร ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนจะส่งผลเสียต่อทารกที่กินนมแม่
การเคยได้รับวัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดอื่นมาก่อน:
หากเคยได้รับวัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต (PCV13) มาก่อน ควรเว้นระยะห่างตามคำแนะนำของแพทย์ หรือแนวทางการให้วัคซีนของแต่ละประเทศ (โดยทั่วไปจะให้ PCV13 ก่อน แล้วเว้นระยะห่างอย่างน้อย 8 สัปดาห์ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้และอายุ ก่อนฉีด PPV23)
หากเคยได้รับวัคซีน PPV23 มาแล้ว การพิจารณาฉีดกระตุ้นโดสถัดไปจะต้องเว้นระยะห่างตามคำแนะนำ เนื่องจากความถี่ในการฉีดวัคซีน PPV23 อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาบริเวณที่ฉีดรุนแรงขึ้นได้ (เช่น บวม แดง เจ็บ)
เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพที่สำคัญแก่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้ง เช่น:
ประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้วัคซีนในอดีต (โดยเฉพาะอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน)
อายุของผู้รับวัคซีน
โรคประจำตัว หรือภาวะสุขภาพใดๆ ที่กำลังเป็นอยู่ (โดยเฉพาะโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรคเลือด, โรคทางระบบหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, ผู้ที่ไม่มีม้าม หรือม้ามทำงานผิดปกติ, ผู้ที่มีการรั่วของน้ำไขสันหลัง)
ยาที่กำลังรับประทานอยู่ ทั้งยาประจำตัว ยาสมุนไพร และอาหารเสริม (โดยเฉพาะยากดภูมิคุ้มกัน หรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ รวมถึงการให้นมบุตร
มีอาการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ
ประวัติการได้รับวัคซีนนิวโมคอคคัส (PCV13 หรือ PPV23) มาก่อน
การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการฉีดวัคซีนจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว