
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
เชื่อไวรัสตับอักเสบบีสามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงแก่ผู้ได้รับเชื้อดังต่อไปนี้
ไวรัสตับอักเสบสามารถติดต่อโดยทาง
ดังนั้นเด็กและผู้ใหญ่ทุกคนที่ไม่มีหลักฐานของการติดเชื้อหรือได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อนควรจะได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
ไม่แนะนำให้ตรวจหาภูมิหลังจากการได้รับวัคซีนครบ และไม่แนะนำให้ฉีดกระตุ้นซ้ำหลังได้วัคซีนครบแม้ว่าจะตรวจพบระดับภูมิต่ำลง
คือคนที่ไม่มีภูมิไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนสัมผัสทางเพศ หรือเลือดของผู้ที่มี HBsAg หรือ HBeAg เป็นบวกแนะนำให้ Hepatitis B Immunoglobulin ร่วมกับวัคซีน
บุคคลใดไม่ควรให้วัคซีน
ส่วนใหญ่ไม่เกิดอาการแพ้อาจจะเกิดอาการแสบคอหรือมีไข้ซึ่งจะหายไปหนึ่งถึงสองวันหลังฉีด อาการแพ้อย่างรุนแรงอาจพบมีไข้สูงสับสนหายใจลำบากมีเสียงดังวี้ดหัวใจเต้นเร็วถ้าหากเกิดอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์
| ตารางการให้วัคซีน | ทารกที่เกิดจากแม่ ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี |
ทารกที่เกิดจากแม่ ไม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี | เด็กโตหรือผู้ใหญ่ |
|---|---|---|---|
| เข็มแรก | ภายใน 12 ชั่วโมง หลังคลอดร่วมกับ Hepatitis B immunoglobulin | ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสองเดือน | เมื่อไหร่ก็ได้ |
| เข็มที่สอง | อายุหนึ่งถึงสองเดือน | หนึ่งเดือนหลังเข็มแรก | หนึ่งเดือนหลังเข็มแรก |
| เข็มที่สาม | อายุหกเดือน | หกเดือนหลังเข็มแรก | หกเดือนหลังเข็มแรก |
ถ้าลืมฉีดให้รีบฉีดทันทีโดยไม่ต้องเริ่มใหม่
ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันควรได้รับปริมาณวัคซีนมากกว่าคนปกติเพื่อให้มีปริมาณมากพอที่จะกระตุ้นให้เกิดภูมิ โดยอาจจะต้องได้รับเพิ่มอีกหนึ่งเข็มเป็นเข็มที่สองหลังจากเข็มแรก
หลังจากฉีดเข้ากล้ามสองสัปดาห์จะตรวจพบภูมิคุ้มกันในกระแสเลือดและจะคงอยู่ได้นานอย่างน้อยสามปี ดังนั้นวัคซีนนี้จะป้องกันโรคได้หลังจากฉีดไปแล้ว 10 วัน
Recombinant DNA Hepatitis B vaccine
เป็นวัคซีนที่เตรียมได้จากการที่ตัดเอาดีเอ็นเอที่ควบคุมการสร้างเฉพาะส่วนผิวของเชื่อไวรัสตับอักเสบบี แล้วนำดีเอ็นเอดังกล่าวใส่ในเชื้อแบคทีเรีย หรือยีสต์ เพื่อให้เซลล์แบ่งตัวหลังจากนั้นจึงตัดเอาHBsAg ที่บริสุทธิ์ออกมาเป็นวัคซีน
| ครั้งแรก | เดือนที่หนึ่ง | เดือนที่สอง | เดือนที่หก | เดือนที่ 12 | กระตุ้นซ้ำหลังสองถึงสามปี | |
|---|---|---|---|---|---|---|
| แรกเกิดถึง 10 ปี | หนึ่งเข็ม | หนึ่งเข็ม | - | หนึ่งเข็ม | - | หนึ่งเข็ม |
| เด็กโตและผู้ใหญ่ | หนึ่งเข็ม | หนึ่งเข็ม | - | หนึ่งเข็ม | - | หนึ่งเข็ม |
| ต้องการภูมิอย่างเร่งด่วน | หนึ่งเข็ม | หนึ่งเข็ม | หนึ่งเข็ม | - | หนึ่งเข็ม | - |
แสดงขนาดและเวลาในการฉีดวัคซีน
แสดงขนาดและเวลาในการฉีด H-B vax2
| ครั้งแรก | เดือนที่หนึ่ง | เดือนที่หก | กระตุ้นหลังเข็มสุดท้าย | |
|---|---|---|---|---|
| แรกเกิดถึง 10 ปี | 0.5 ซีซี | 0.5 ซีซี | 0.5 ซีซี | ไม่ได้ระบุ |
| เด็กโตถึงผู้ใหญ่ | 1 ซีซี | 1 ซีซี | 1 ซีซี | ไม่ได้ระบุ |
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B vaccine) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) ที่ผลิตจากโปรตีนส่วนผิวของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) โดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมในเซลล์ยีสต์ ทำให้มีความปลอดภัยสูงและไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสจากวัคซีน วัคซีนนี้มีความสำคัญมากในการป้องกันโรคตับอักเสบบี ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตับวาย ตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้
แม้จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีข้อห้ามและข้อควรระวังบางประการที่ควรทราบ เพื่อให้แน่ใจว่าการฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
ข้อห้าม (Contraindications) ในการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี:
ข้อห้ามหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ห้ามฉีดวัคซีนโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ หากมีข้อห้ามเหล่านี้ ไม่ควร ได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี:
ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis):
เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง (เช่น หายใจลำบาก, หน้าบวม, ความดันโลหิตต่ำ, ผื่นลมพิษทั่วตัว) ต่อวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีในเข็มก่อนหน้า
แพ้ยีสต์อย่างรุนแรง: เนื่องจากวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีส่วนใหญ่ผลิตโดยใช้เซลล์ยีสต์ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยีสต์อย่างรุนแรงจึงเป็นข้อห้ามในการฉีดวัคซีนชนิดนี้
ประวัติการแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีนอย่างรุนแรง:
รวมถึงสารกันเสีย หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่ระบุในฉลากยาของวัคซีนแต่ละยี่ห้อ
ข้อควรระวัง (Precautions) ในการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี:
ข้อควรระวังหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง หรือทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง:
การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:
หากกำลังมีอาการป่วยเฉียบพลัน เช่น เป็นไข้สูง ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าจะหายป่วย เพื่อป้องกันความสับสนในการวินิจฉัยอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงไข้หวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถฉีดวัคซีนได้
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน:
เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS, ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันในขนาดสูง (เช่น ยาสเตียรอยด์, ยาเคมีบำบัด หรือยากดภูมิคุ้มกันอื่นๆ สำหรับโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ)
แม้ว่าวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีจะเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายที่ปลอดภัยในกลุ่มนี้ แต่การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอาจไม่สมบูรณ์เท่ากับคนปกติ ทำให้วัคซีนอาจไม่ได้ผลเต็มที่ หรืออาจต้องฉีดวัคซีนจำนวนโดสมากกว่าปกติ หรือต้องตรวจระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีน
ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Coagulation disorders):
เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้ง่าย
ควรแจ้งแพทย์เพื่อที่แพทย์จะได้พิจารณาเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม เช่น การใช้เข็มขนาดเล็ก หรือการกดบริเวณที่ฉีดให้นานขึ้น
หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร:
สามารถฉีดได้และถือว่าปลอดภัย วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ซึ่งไม่มีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ และไม่ได้เป็นข้อห้ามในการให้นมบุตร
หากหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (เช่น บุคลากรทางการแพทย์, มีคู่สมรสติดเชื้อ) การฉีดวัคซีนถือเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อทั้งต่อแม่และทารก
ผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมาแล้ว หรือมีภูมิคุ้มกันแล้ว:
ผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและหายแล้ว หรือผู้ที่เคยฉีดวัคซีนครบแล้วและมีภูมิคุ้มกันในระดับที่เพียงพอแล้ว (จากการตรวจเลือด anti-HBs) โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนอีก
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี เช่น ผู้ป่วยฟอกไต หรือผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจต้องมีการตรวจระดับภูมิคุ้มกันและพิจารณาฉีดกระตุ้น
สิ่งสำคัญที่ต้องแจ้งแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน:
เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพที่สำคัญแก่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้ง เช่น:
ประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้วัคซีนในอดีต (โดยเฉพาะอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือแพ้ยีสต์)
โรคประจำตัว หรือภาวะสุขภาพใดๆ ที่กำลังเป็นอยู่ (โดยเฉพาะโรคเลือด, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรคไตวายเรื้อรัง)
ยาที่กำลังรับประทานอยู่ ทั้งยาประจำตัว ยาสมุนไพร และอาหารเสริม (โดยเฉพาะยากดภูมิคุ้มกัน หรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ รวมถึงการให้นมบุตร
มีอาการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ
การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการฉีดวัคซีนจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
ผลข้างเคียงของยา
เหมือนกับการฉีดวัคซีนชนิดอื่นคือมีอาการปวดบวมแดงร้อนบริเวณที่ฉีดซึ่งอาการไม่มากและหายเองได้ในสองถึงห้าวัน
ปฏิกิริยาระหว่างยา
สามารถฉีดร่วมกับวัคซีนชนิดอื่นได้และฉีดร่วมกับภูมิให้ปัจจัยติดบีเอ็มมโนก็บุรินทร์ได้แต่ต้องฉีดคนละข้าง
โรคตับอักเสบชนิดบี โรคตับอักเสบชนิดเอ โรคตับอักเสบ