siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

วัคซีนป้องกันโปลิโอ: ก้าวสำคัญสู่โลกที่ปราศจากอัมพาต

โรคโปลิโอ (Poliomyelitis) หรือไขสันหลังอักเสบจากโปลิโอ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่ร้ายแรง เกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งสามารถทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดภาวะอัมพาตถาวร พิการ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้ แม้ว่าทั่วโลกจะมีความคืบหน้าอย่างมากในการกำจัดโรคโปลิโอ แต่การฉีดวัคซีนป้องกันโปลิโออย่างทั่วถึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพื่อปกป้องเด็ก ๆ จากโรคร้ายนี้ และเพื่อให้แน่ใจว่าโรคโปลิโอจะหมดไปจากโลกอย่างแท้จริง


รู้จักกับโรคโปลิโอ

ไวรัสโปลิโอแพร่กระจายโดยหลักผ่านทาง อุจจาระ-สู่-ปาก (fecal-oral route) นั่นคือ เมื่อมีผู้ติดเชื้อขับถ่ายเชื้อไวรัสออกมา และเชื้อปนเปื้อนในอาหาร น้ำ หรือบนพื้นผิวต่างๆ แล้วมีผู้อื่นนำเข้าสู่ร่างกายโดยการสัมผัสหรือรับประทาน นอกจากนี้ยังสามารถแพร่เชื้อผ่านละอองฝอยจากทางเดินหายใจของผู้ติดเชื้อได้บ้าง แต่พบน้อยกว่า

ผู้ติดเชื้อไวรัสโปลิโอส่วนใหญ่ (ประมาณ 95%) จะไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยคล้ายไข้หวัด แต่ในผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 200 ราย ไวรัสจะเข้าทำลายเซลล์ประสาทในไขสันหลัง ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเกิด อัมพาตถาวร โดยเฉพาะที่ขา อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตอยู่ที่ประมาณ 2-10% ซึ่งมักเกิดจากอัมพาตที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจ


ชนิดของวัคซีนป้องกันโปลิโอ

ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโปลิโอหลักๆ 2 ชนิด ที่มีความแตกต่างกันในด้านการผลิตและการทำงาน:

1. วัคซีนโปลิโอชนิดเชื้อตาย (Inactivated Poliovirus Vaccine - IPV)

2. วัคซีนโปลิโอชนิดเชื้อเป็นชนิดรับประทาน (Oral Poliovirus Vaccine - OPV)


ตารางการให้วัคซีน (โดยทั่วไป)

ตารางการให้วัคซีนโปลิโอจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโรคและนโยบายสาธารณสุข โดยทั่วไปในประเทศไทยจะใช้วัคซีน IPV เป็นหลักในเด็กเล็ก:

โปรดปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรับข้อมูลตารางการฉีดวัคซีนโปลิโอที่เหมาะสมกับคุณหรือบุตรหลานของคุณ


ใครควรได้รับวัคซีนโปลิโอ?


ข้อห้ามและข้อควรระวังในการให้วัคซีน

การพิจารณาข้อห้ามและข้อควรระวังจะขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนโปลิโอ:

สำหรับวัคซีน IPV (ชนิดฉีด):

สำหรับวัคซีน OPV (ชนิดรับประทาน):


ความสำคัญของการฉีดวัคซีนโปลิโอ

แม้โรคโปลิโอจะลดลงไปมากแล้วทั่วโลก แต่ตราบใดที่ยังมีการพบเชื้อไวรัสโปลิโอในส่วนใดส่วนหนึ่งของโลก โรคนี้ก็ยังสามารถกลับมาระบาดได้ การฉีดวัคซีนโปลิโอครบตามกำหนด ไม่เพียงแต่ปกป้องตัวบุคคลเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการกำจัดโรคโปลิโอให้หมดไปจากโลกอย่างยั่งยืน การป้องกันนี้จะช่วยให้เด็กทุกคนมีโอกาสเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาตจากโรคนี้

ปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนโปลิโอที่เหมาะสมกับคุณและบุตรหลานของคุณ

Polio vaccine

แน่นอนครับ วัคซีนโปลิโอ (Polio vaccine) เป็นวัคซีนที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกำจัดโรคโปลิโอ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่สามารถทำให้เกิดอัมพาตถาวรหรือเสียชีวิตได้ วัคซีนโปลิโอมี 2 ชนิดหลักที่แตกต่างกันในด้านข้อห้ามและข้อควรระวัง:

  1. วัคซีนโปลิโอชนิดเชื้อตาย (Inactivated Poliovirus Vaccine - IPV): เป็นวัคซีนที่ให้โดยการฉีด (injection)

  2. วัคซีนโปลิโอชนิดเชื้อเป็นชนิดรับประทาน (Oral Poliovirus Vaccine - OPV): เป็นวัคซีนที่ให้โดยการหยอดเข้าปาก (oral drops)

ปัจจุบันในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะใช้ IPV เป็นหลักในตารางวัคซีนพื้นฐาน เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดวัคซีนโปลิโอสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดอัมพาต (Vaccine-Associated Paralytic Polio - VAPP) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ยากมากจาก OPV


ข้อห้ามในการฉีดวัคซีนโปลิโอชนิดเชื้อตาย (IPV)

IPV เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายที่มีความปลอดภัยสูงมาก และมีข้อห้ามค่อนข้างน้อย

ข้อห้าม (Contraindications) ในการฉีดวัคซีน IPV:

  1. ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis):

    • เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง (เช่น หายใจลำบาก, หน้าบวม, ความดันโลหิตต่ำ, ผื่นลมพิษทั่วตัว) ต่อวัคซีน IPV เข็มก่อนหน้า

    • ประวัติการแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีนอย่างรุนแรง: วัคซีน IPV อาจมีส่วนประกอบของยาปฏิชีวนะ เช่น Neomycin, Streptomycin, Polymyxin B หรือ 2-phenoxyethanol หากมีประวัติแพ้ยาเหล่านี้อย่างรุนแรง ถือเป็นข้อห้าม

ข้อควรระวัง (Precautions) ในการฉีดวัคซีน IPV:

  1. การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:

    • หากกำลังมีอาการป่วยเฉียบพลัน เช่น เป็นไข้สูง ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าจะหายป่วย เพื่อป้องกันความสับสนในการวินิจฉัยอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน หรือหากร่างกายอ่อนแออาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เต็มที่

    • อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงไข้หวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถฉีดวัคซีนได้

  2. หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร:

    • สามารถฉีดวัคซีน IPV ได้และถือว่าปลอดภัย เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จึงไม่คาดว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่กินนมแม่

    • หากหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโปลิโอ (เช่น ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง) แพทย์อาจพิจารณาให้ฉีดวัคซีน

  3. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน:

    • เนื่องจาก IPV เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จึงปลอดภัยในการให้แก่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ และแนะนำให้ฉีดในผู้ป่วยเหล่านี้ (ซึ่งอาจเป็นข้อห้ามสำหรับ OPV) การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอาจไม่สมบูรณ์เท่ากับคนปกติ แต่ก็ยังคงได้ประโยชน์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม

  4. ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Coagulation disorders):

    • เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้ง่าย

    • ควรแจ้งแพทย์เพื่อที่แพทย์จะได้พิจารณาเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม เช่น การใช้เข็มขนาดเล็ก หรือการกดบริเวณที่ฉีดให้นานขึ้น


ข้อห้ามในการใช้วัคซีนโปลิโอชนิดเชื้อเป็นชนิดรับประทาน (OPV)

OPV เป็นวัคซีนเชื้อเป็นที่มีข้อห้ามที่เข้มงวดกว่า IPV เนื่องจากมีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดโรคอัมพาตจากวัคซีนได้ในผู้ป่วยบางราย (Vaccine-Associated Paralytic Polio - VAPP)

ข้อห้าม (Contraindications) ในการใช้วัคซีน OPV:

  1. ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Immunodeficiency) ในผู้รับวัคซีน:

    • เป็นข้อห้ามที่สำคัญที่สุดสำหรับวัคซีนเชื้อเป็น

    • ผู้ป่วย HIV/AIDS (ไม่ว่าจะอาการมากหรือน้อย)

    • ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia), มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (lymphoma), หรือมะเร็งอื่นๆ

    • ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด (เช่น SCID)

    • ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันในขนาดสูง (เช่น ยาสเตียรอยด์ในขนาดสูง, ยาเคมีบำบัด, ยาชีวภาพที่ออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน)

    • ห้ามใช้ OPV ในผู้ป่วยเหล่านี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่ไวรัสในวัคซีนจะเพิ่มจำนวนและก่อให้เกิดอาการของโรคโปลิโอได้ (VAPP)

  2. ผู้สัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือน (Household contacts) ของผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง:

    • เนื่องจากไวรัสโปลิโอจากวัคซีน OPV สามารถแพร่กระจายไปยังผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดได้ผ่านทางอุจจาระ จึงห้ามใช้ OPV ในผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (ตามที่ระบุในข้อ 1) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสไปยังผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    • ในกรณีนี้ แนะนำให้ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดฉีดวัคซีน IPV แทน

  3. หญิงตั้งครรภ์:

    • ห้ามใช้ OPV ในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น และยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์

    • หากหญิงตั้งครรภ์มีความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนโปลิโอ ควรเลือกใช้ IPV แทน

  4. ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis):

    • เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงต่อ OPV เข็มก่อนหน้า หรือแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีน (เช่น Streptomycin, Polymyxin B, Neomycin)

ข้อควรระวัง (Precautions) ในการใช้วัคซีน OPV:

  1. การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:

    • ควรเลื่อนการหยอดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าจะหายป่วย

  2. การให้นมบุตร:

    • แม้ว่าไวรัสโปลิโอจากวัคซีนอาจปนเปื้อนในน้ำนมได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าก่อให้เกิดอันตรายต่อทารก โดยทั่วไปสามารถให้ OPV ในหญิงให้นมบุตรได้

  3. เพิ่งได้รับอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin) หรือผลิตภัณฑ์เลือดที่มีส่วนประกอบของอิมมูโนโกลบูลิน:

    • อาจรบกวนการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อวัคซีนเชื้อเป็นได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาเว้นระยะห่าง


สิ่งสำคัญที่ต้องแจ้งแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ก่อนฉีด/หยอดวัคซีนโปลิโอ:

ไม่ว่าจะเป็น IPV หรือ OPV การให้ข้อมูลสุขภาพที่ครบถ้วนและถูกต้องแก่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง:

การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการรับวัคซีนจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการป้องกันโรคโปลิโอ

 

 

เพิ่มเพื่อน