
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ทำไมต้องฉีดวัคซีน เชื้อไข้ไทฟอยด์ทำให้เกิดไข้เรื้อรัง บางรายอาจทำให้เกิดตับอักเสบ
วัคซีนมีกี่ชนิด
ขนาดที่ให้
ผลข้างเคียงไม่ค่อยพบแต่ไม่รุนแรง
ข้อควรระวัง ไม่ควรให้ live-attenuatedในผู้ป่วยที่ได้ยาปฏิชีวนะและยารักษามาลาเรีย
ข้อห้ามในการฉีดวัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตาย (Inactivated Typhoid Vaccine หรือ Typhoid Vi Polysaccharide Vaccine)
วัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตาย (หรือที่มักเรียกกันว่าวัคซีนไทฟอยด์ชนิดฉีด) เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Typhi ผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ วัคซีนชนิดนี้ผลิตจากส่วนประกอบของเชื้อแบคทีเรียที่ตายแล้ว (Vi polysaccharide) จึงไม่สามารถก่อให้เกิดโรคได้ และจัดเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูง
ข้อห้าม (Contraindications) ในการฉีดวัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตาย:
ข้อห้ามหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ห้ามฉีดวัคซีนโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงหรือเป็นปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรง หากมีข้อห้ามเหล่านี้ ไม่ควร ได้รับวัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดฉีด:
ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ต่อวัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตายเข็มก่อนหน้า:
หากเคยมีอาการแพ้ชนิดรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต (เช่น หายใจลำบากเฉียบพลัน, หน้าบวม, ความดันโลหิตต่ำรุนแรง, ผื่นลมพิษทั่วตัว) หลังจากการฉีดวัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตายครั้งก่อนหน้า ถือเป็นข้อห้ามเด็ดขาด
ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ต่อส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีน:
ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบเฉพาะใดๆ ที่อยู่ในวัคซีนอย่างรุนแรง เช่น สารกันเสีย (ในบางสูตรของวัคซีน) หรือส่วนประกอบอื่นๆ ตามที่ระบุในเอกสารกำกับยาของวัคซีนยี่ห้อนั้นๆ
ข้อควรระวัง (Precautions) ในการฉีดวัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตาย:
ข้อควรระวังเป็นเงื่อนไขที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเล็กน้อย หรืออาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง แต่โดยทั่วไปยังสามารถให้วัคซีนได้ภายใต้การดูแล:
การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:
หากกำลังมีอาการป่วยเฉียบพลัน มีไข้สูง หรืออาการเจ็บป่วยที่ยังไม่คงที่ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าอาการจะดีขึ้น เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่และลดความสับสนในการวินิจฉัยอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงไข้หวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถฉีดวัคซีนได้ตามปกติ
หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร:
วัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตายเป็นวัคซีนที่ สามารถพิจารณาให้ได้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร หากมีความจำเป็นและมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ (เช่น ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่โรคไข้ไทฟอยด์ระบาดสูง)
เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จึงไม่คาดว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่กินนมแม่ แต่การตัดสินใจควรอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ โดยพิจารณาจากประโยชน์ที่ได้รับและความเสี่ยงเฉพาะบุคคล
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือกำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน:
เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS, ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังทำเคมีบำบัดหรือฉายแสง, ผู้ที่ได้รับยาสเตียรอยด์ในขนาดสูง, หรือยาชีวภาพที่ออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน
วัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตาย มีความปลอดภัยในการให้แก่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ แต่การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอาจไม่สมบูรณ์เท่าคนปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลง
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังคงแนะนำในกลุ่มนี้หากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม และอาจจำเป็นต้องตรวจระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีด
ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Coagulation disorders):
เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้ง่าย
ควรแจ้งแพทย์ เพื่อให้แพทย์พิจารณาเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม เช่น การใช้เข็มขนาดเล็ก หรือการกดบริเวณที่ฉีดให้นานขึ้นเพื่อห้ามเลือด
สิ่งสำคัญที่ต้องแจ้งแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน:
เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพที่สำคัญแก่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้ง เช่น:
ประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้วัคซีนในอดีต (โดยเฉพาะอาการแพ้อย่างรุนแรง)
โรคประจำตัว หรือภาวะสุขภาพใดๆ ที่กำลังเป็นอยู่ (โดยเฉพาะโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรคเลือด)
ยาที่กำลังรับประทานอยู่ ทั้งยาประจำตัว ยาสมุนไพร และอาหารเสริม (โดยเฉพาะยากดภูมิคุ้มกัน หรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ รวมถึงการให้นมบุตร
มีอาการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ
การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการฉีดวัคซีนจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์
วัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อเป็นชนิดรับประทาน (Ty21a) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Typhi วัคซีนชนิดนี้มีลักษณะเฉพาะคือเป็น วัคซีนเชื้อเป็น ที่ถูกทำให้อ่อนกำลังลง และให้โดยการรับประทานในรูปแบบแคปซูล ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนชนิดฉีดที่เป็นเชื้อตาย
เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็นและต้องผ่านระบบทางเดินอาหารเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน วัคซีน Ty21a จึงมีข้อห้ามและข้อควรระวังที่สำคัญและเคร่งครัดกว่าวัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตาย
ข้อห้ามหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ห้ามให้วัคซีนโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงหรือเป็นปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์อย่างร้ายแรง หากมีข้อห้ามเหล่านี้ ไม่ควร ได้รับวัคซีน Ty21a:
ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Immunodeficiency) ในผู้รับวัคซีน:
นี่คือ ข้อห้ามที่สำคัญที่สุด สำหรับวัคซีนเชื้อเป็นทุกชนิด รวมถึง Ty21a ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีความเสี่ยงสูงที่เชื้อแบคทีเรียในวัคซีนจะเพิ่มจำนวนจนก่อให้เกิดอาการของโรคได้
กลุ่มผู้ป่วยที่เข้าข่าย เช่น:
ผู้ป่วย HIV/AIDS (ไม่ว่าจะอยู่ในระยะใดหรือมีอาการมากน้อยแค่ไหน)
ผู้ป่วย โรคมะเร็ง (โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน)
ผู้ที่มี ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด (เช่น Severe Combined Immunodeficiency - SCID)
ผู้ที่กำลังได้รับ ยากดภูมิคุ้มกันในขนาดสูง เช่น ยาสเตียรอยด์ในขนาดสูงและเป็นเวลานาน (เช่น prednisone มก./วัน หรือ มก./กก./วัน นานกว่า 14 วัน), ยาเคมีบำบัด, การฉายรังสีรักษา, หรือยาชีวภาพที่ออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน (เช่น anti-TNF- agents, rituximab)
ผู้ที่เพิ่งได้รับการ ปลูกถ่ายอวัยวะ หรือปลูกถ่ายไขกระดูก/เซลล์ต้นกำเนิด (โดยทั่วไปควรรออย่างน้อย 2 ปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา)
หญิงตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์:
เป็นข้อห้ามเด็ดขาด เนื่องจาก Ty21a เป็นวัคซีนเชื้อเป็น และยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่ยืนยันความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์ หากหญิงตั้งครรภ์จำเป็นต้องป้องกันไข้ไทฟอยด์ ควรเลือกใช้ วัคซีนไข้ไทฟอยด์ชนิดเชื้อตาย (ชนิดฉีด) แทน
ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ต่อวัคซีน Ty21a โดสก่อนหน้า:
หากเคยมีอาการแพ้รุนแรงถึงชีวิตหลังได้รับวัคซีนชนิดนี้ในครั้งก่อนหน้า ถือเป็นข้อห้าม
ประวัติการแพ้อย่างรุนแรงต่อส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีน:
รวมถึงส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตแคปซูลหรือสารอื่น ๆ ที่ระบุในเอกสารกำกับยาของวัคซีน เช่น เจลาติน (gelatin), แลคโตส (lactose), ซูโครส (sucrose) หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ใช้เป็นสารเพิ่มปริมาณ
ภาวะอุจจาระร่วงเฉียบพลัน หรืออาเจียนรุนแรง:
หากกำลังมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง ควร เลื่อนการให้วัคซีนออกไปก่อน จนกว่าอาการจะดีขึ้น
เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจทำให้วัคซีนถูกขับออกจากร่างกายก่อนที่จะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่ ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง หรืออาจทำให้การวินิจฉัยอาการไม่พึงประสงค์หลังวัคซีนสับสนกับอาการป่วยเดิม
อายุต่ำกว่า 6 ปี:
โดยทั่วไปวัคซีน Ty21a ไม่แนะนำในเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ปี เนื่องจากประสิทธิภาพและความปลอดภัยยังไม่ได้รับการศึกษาเพียงพอในกลุ่มนี้
ข้อควรระวังเป็นเงื่อนไขที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ก่อนการให้วัคซีน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเล็กน้อย หรืออาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง:
การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:
หากมีอาการป่วยเฉียบพลัน (นอกเหนือจากอาการทางเดินอาหาร) หรือมีไข้สูง ควร เลื่อนการให้วัคซีนออกไปก่อน จนกว่าจะหายป่วย
การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาต้านมาลาเรียบางชนิด:
ยาปฏิชีวนะบางชนิด (โดยเฉพาะยาที่ออกฤทธิ์ครอบคลุมเชื้อ Salmonella Typhi เช่น fluoroquinolones, macrolides, cephalosporins บางชนิด) อาจทำลายเชื้อแบคทีเรียที่อ่อนกำลังในวัคซีนและลดประสิทธิภาพของวัคซีน
ควรหยุดยาปฏิชีวนะที่มีผลต่อเชื้อ S. Typhi อย่างน้อย 24-72 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับชนิดของยา) ก่อนเริ่มรับวัคซีน และ ไม่ควรใช้ในระหว่างที่กำลังรับประทานวัคซีนครบชุด (โดยทั่วไปคือตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่รับวัคซีน)
ยาต้านมาลาเรียบางชนิดก็อาจมีผลเช่นกัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรอย่างละเอียด
การให้นมบุตร:
ข้อมูลการใช้ Ty21a ในหญิงให้นมบุตรยังมีจำกัด และเนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น โดยทั่วไปไม่แนะนำ อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นเร่งด่วนและประโยชน์มีมากกว่าความเสี่ยง แพทย์อาจพิจารณาให้ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์
ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเรื้อรัง:
เช่น โรคโครห์น (Crohn's disease), โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล (Ulcerative Colitis) หรือภาวะลำไส้เล็กอักเสบอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีน
เพื่อให้การรับวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพที่สำคัญแก่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้งอย่างละเอียด:
ประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้วัคซีนในอดีต (โดยเฉพาะอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือแพ้ส่วนประกอบของวัคซีนที่กล่าวมา)
โรคประจำตัว หรือภาวะสุขภาพใดๆ ที่กำลังเป็นอยู่ (โดยเฉพาะโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรค HIV, โรคมะเร็ง, หรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร)
ยาที่กำลังรับประทานอยู่ ทั้งยาประจำตัว ยาสมุนไพร และอาหารเสริม (โดยเฉพาะ ยากดภูมิคุ้มกัน หรือ ยาปฏิชีวนะ ชนิดใดๆ)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ รวมถึงการให้นมบุตร
มีอาการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย หรืออาเจียน
การเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง และความจำเป็นในการป้องกันโรค
การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการรับวัคซีนจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์