
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่เกิดบ่อยที่สุดของคุณสุภาพสตรี และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับต้นๆ การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกจะได้ผลดีเมื่อสามารถค้นหาโรคได้ในระยะเริ่มแรกโดยการตรวจภายใน มักจะรักษาโดยการผ่าตัด หรือการให้รังสีรักษา แต่หากพบโรคในระยะท้ายของโรคก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ดังนั้นการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกน่าจะเป็นวิธีที่ดี
วัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ HPV ยังสามารถก่อให้เกิดโรคอื่นๆ เช่น มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก หูดหงอนไก่ และมะเร็งในช่องปากและลำคอได้อีกด้วย
มีคำแนะนำจากองค์การอาหารและยาของอเมริกาแนะนำว่าให้เริ่มฉีดเมื่ออายุประมาณ 11-12 ปี แต่อาจจะฉีดเมื่ออายุ 9 ปีก็ได้ เนื่องจากเด็กในช่วงอายุดังกล่าวยังไม่มีการติดเชื้อ HPV และช่วงดังกล่าวเด็กจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่
นอกจากนั้นยังแนะนำว่าว่าผู้ที่อายุตั้งแต่ 13-26 ที่ไม่เคยฉีดวัคซีน หรือฉีดไม่ครบควรจะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน

ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ฉีดสามเข็มคือ เข็มที่สองและสามห่างจากเข็มแรกสองและสี่เดือนตามลำดับ ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิได้เต็มที่เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจะมีภูมิต่อเชื้อ HPV type 6, 11, 16 และ 18 ดังนั้นหากท่านยังไม่ได้รับเชื้อดังกล่าว ท่านก็ยังได้ประโยชน์จากการฉีดวัคซีน สำหรับท่านที่ชอบเปลี่ยนคู่นอน ท่านมีโอกาสที่จะติดเชื้อไปแล้วอาจจะไม่ได้ประโยชน์จากการฉีดวัคซีน
ประโยชน์ของการฉีดวัคซีน HPV
ความปลอดภัยของวัคซีน HPV
วัคซีน HPV มีความปลอดภัยสูง และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เล็กน้อย เช่น ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด มีไข้ ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
เท่าที่มีการใช้ไป 16 ล้านเข็ม มักจะมีอาการเจ็บบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย ไข้ต่ำๆ เหมือนคนเป็นหวัด เวียนศีรษะเล็กน้อย ผลข้างเคียงรุนแรงก็พบได้น้อย
วัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องคอและโคนลิ้น รวมถึงหูดที่อวัยวะเพศ วัคซีน HPV มีประสิทธิภาพสูงและมีความปลอดภัย แต่ก็มีข้อห้ามและข้อควรระวังบางประการที่ควรทราบ เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด
วัคซีน HPV ที่ใช้กันในปัจจุบันเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) ซึ่งผลิตจากโปรตีนส่วนเปลือกของเชื้อไวรัส ทำให้ไม่สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อหรือโรคได้
ข้อห้ามหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ห้ามฉีดวัคซีนโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ หากมีข้อห้ามเหล่านี้ ไม่ควร ได้รับวัคซีน HPV:
ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis):
เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น หายใจลำบาก, หน้าบวม, ความดันโลหิตต่ำ, ผื่นลมพิษทั่วตัว หลังจากได้รับวัคซีน HPV เข็มก่อนหน้า หรือแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีนนั้นๆ อย่างรุนแรง (เช่น ยีสต์, อะลูมิเนียมอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์, หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่ระบุในฉลากยาของวัคซีนแต่ละยี่ห้อ)
ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรงควรได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ เพื่อพิจารณาทางเลือกอื่นที่เหมาะสม
ข้อควรระวังหมายถึงภาวะหรือเงื่อนไขที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง หรือทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง:
การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:
หากกำลังมีอาการป่วยเฉียบพลัน เช่น เป็นไข้สูง ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าจะหายป่วย เพื่อป้องกันความสับสนในการวินิจฉัยอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน หรือหากร่างกายอ่อนแออาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงไข้หวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถฉีดวัคซีนได้
หญิงตั้งครรภ์:
แม้ว่าวัคซีน HPV จะเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายและยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าวัคซีนจะมีผลเสียต่อทารกในครรภ์ แต่เพื่อความปลอดภัย โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน HPV ในระหว่างตั้งครรภ์
หากพบว่าตั้งครรภ์ในระหว่างที่ได้รับวัคซีน HPV ไปแล้วบางเข็ม ควรเลื่อนการฉีดเข็มต่อไปออกไปจนกว่าจะคลอดบุตร และสามารถกลับมาฉีดต่อให้ครบชุดได้
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์เฉพาะบุคคลหากมีความกังวล
หญิงให้นมบุตร:
สามารถฉีดวัคซีน HPV ได้อย่างปลอดภัยในหญิงให้นมบุตร ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนจะส่งผลเสียต่อทารกที่กินนมแม่
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน:
เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS, ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันในขนาดสูง (เช่น ยาสเตียรอยด์, ยาเคมีบำบัด) หรือผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ
วัคซีน HPV เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จึงมีความปลอดภัยในการให้แก่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอาจไม่สมบูรณ์เท่ากับคนปกติ ทำให้ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอาจไม่สูงหรืออยู่ไม่นานเท่าที่ควร
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม และอาจจำเป็นต้องตรวจติดตามระดับภูมิคุ้มกันในบางกรณี
ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Coagulation disorders):
เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้ง่าย
ควรแจ้งแพทย์เพื่อที่แพทย์จะได้พิจารณาเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม เช่น การใช้เข็มขนาดเล็ก หรือการกดบริเวณที่ฉีดให้นานขึ้น
ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเพื่อรักษาผู้ที่ติดเชื้อ HPV หรือเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับ HPV อยู่แล้ว:
วัคซีน HPV มีวัตถุประสงค์เพื่อการป้องกันการติดเชื้อและการเกิดโรคในอนาคต ไม่สามารถรักษาผู้ที่ติดเชื้อ HPV หรือเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกหรือหูดที่อวัยวะเพศที่เกิดขึ้นแล้วได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยติดเชื้อ HPV มาก่อน ก็ยังสามารถได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนได้ เนื่องจากวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์อื่นที่ยังไม่เคยติดเชื้อ หรือป้องกันการติดเชื้อซ้ำในสายพันธุ์เดิมได้
เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพที่สำคัญแก่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้ง เช่น:
ประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้วัคซีนในอดีต (โดยเฉพาะอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือแพ้ยีสต์)
โรคประจำตัว หรือภาวะสุขภาพใดๆ ที่กำลังเป็นอยู่ (โดยเฉพาะโรคเลือด, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง)
ยาที่กำลังรับประทานอยู่ ทั้งยาประจำตัว ยาสมุนไพร และอาหารเสริม (โดยเฉพาะยากดภูมิคุ้มกัน หรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ รวมถึงการให้นมบุตร
มีอาการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ
การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการฉีดวัคซีนจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการป้องกันมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ HPV
มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีน HPV หรือไม่?
ขณะนี้ยังไม่แนะนำให้ในคนท้องเนื่องจากยังไม่มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพในคนท้อง และยังไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบต่อทารก หากทราบว่าตั้งครรภ์หลังจากฉีดไปหนึ่งเข็ม แนะนำให้หยุดฉีดวัคซีนจนกระทั่งคลอดบุตรแล้วจึงฉีดต่อ
สำหรับท่านที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะป้องกันตัวเองอย่างไร
การติดต่อของเชื้อ HPV ติดต่อโดยทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นควรจะสวมถุงยางอนามัย และไม่ควรจะเปลี่ยนคู่นอน และงดการสูบบุหรี่
วัคซีนนี้จะป้องกันได้นานแค่ไหน
จากการศึกษาเบื้องต้นวัคซีนนี้สามารถอยู่ได้นาน แต่กำลังศึกษาว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นหรือไม่
การติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์การให้วัคซีนนี้ในผู้ชายน่าจะได้ประโชน์การป้องกันหูด และมะเร็งที่ทวาร แต่เนื่องจากอัตราการเกิดโรคยังต่ำจึงไม่แนะนำ แต่เรื่องการป้องกันมะเร็งยังไม่มีข้อมูล แต่ผลโดยอ้อมน่าจะลดการติดเชื้อ HPV ในผู้หญิง
ก่อนจะต้องตรวจว่าเคยติดเชื้อ HPV มาก่อนหรือไม่
ไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อ HPV ก่อนการฉีดวัคซีน เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าเคยติดเชื้อ HPV มาก่อนหรือไม่ การเจาะหาภูมิต่อเชื้อก็ยังทำไม่ได้
การตรวจภายในยังคงมีความจำเป็นแม้ว่าคุณได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว เพราะการตรวจภายในจะสามารถตรวจโรคอื่นได้ด้วย
ขึ้นกับประวัติการมีเพศสัมพันธ์ และประวัติการตรวจภายใน
เนื่องจากวัคซีนนี้ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ทุกชนิดดังนั้นจึงไม่สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลุกได้ทั้งหมดคือจะป้องกันมะเร็งปากมดลุกได้ประมาณร้อย70 และไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
วัคซีน HPV เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่นๆ ที่เกิดจาก HPV การฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคในอนาคต หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวัคซีน HPV ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
อย่ารอช้า ป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วยวัคซีน HPV ตั้งแต่วันนี้!
เรื่องที่เกี่ยวข้องกัน
มะเร็งปากมดลูกเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของผู้หญิงทั่วโลก แม้ว่าจะมีวิธีการตรวจคัดกรองเพื่อตรวจหาความผิดปกติได้ แต่การป้องกันยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วัคซีน HPV" คือเกราะป้องกันที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน
สรุป
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว