เมื่อไรจึงจะเริ่มให้การรักษาโรคความดันโลหิตสูง
ก่อนหน้านี้การตัดสินใจรักษาโรคความดันโลหิตสูง จะพิจารณาจากระดับความดันโลหิต แต่่เนื่องจากคนทั่วไปมักจะมีหลายโรคที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด ดังนั้นการตัดสินใจในการรักษาโรคความดันโลหิต ต้องพิจารณาหลายๆด้าน เช่น
ในการตัดสินใจเริ่มให้การรักษา หรือการกำหนดค่าระดับความดันเป้าหมาย จะต้องประเมินว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนสูง หรือต่ำ ในการประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนจะแบ่งเป็น
ในการประเมินความเสี่ยงจะมีวิธีการดังต่อไปนี้
- เริ่มต้นพิจารณาค่าความดันโลหิตของคุณว่าเท่าใด แล้วมาพิจารณาในแนวตั้ง เวลาพิจารณาจะพิจารณา ทั้งค่าความดันโลหิตตัวบนและความดันโลหิตตัวล่าง โดยพิจารณาค่าที่สูงกว่า เช่นความดันโลหิตวัดได้ 135/95 มิลิเมตรปรอท เราจะจัดอยู่ในเกณฑ์ความดัน GRADE1
- ขั้นสองให้คุณพิจารณาว่าคุณมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดกี่ข้อโดยเปิดหน้าความเสี่ยงดู ความเสี่ยงกี่ข้อจะมาดูตามแนวนอนของตาราง หากคุณความดันโลหิต144/86 คุณมีความเสี่ยง2ข้อ (แนวนอนช่อง2)คุณก็ตกอยู่ในช่องเหลือง แล้วไปดูรายละเอียดข้างล่างว่าช่องสีเหลืองเค้าแนะนำอะไรบ้าง
- ขั้นตอนที่สามก็มาดูว่าอวัยวะคุณได้รับผลเสียหายจากความดันโดยไม่เกิดอาการหรือเปล่า ค่านี้จะได้รับผลจากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจ echocardiography การเจาะเลือดหาค่า Creatinin การทำ ultrasound หลอดเลือด การตรวจเบาหวาน หากเป็นเบาหวานก็จะอยู่ในช่องนี้ การตรวจหาไข่ขาวในปัสสาวะ ตัวอย่างหากคุณวัดความดันโลหิตได้ 144/86 มีความเสี่ยง2 ข้อ แต่คุณตรวจปัสาวะพบว่ามีไข่ขาว ดังนั้นตารางในแนวนอนจะอยู่ในช่องที่ 3 คุณจะตกในช่องสีส้มแทนที่จะเป็นสีเหลือง
- ขั้นตอนสุดท้ายให้พิจารณาว่าคุณเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคไตหรือไม่ หากเคยเป็นจะพิจารณาแนวนอนช่องที่ 4
เมื่อพิจารณาครบแล้วคุณก็จะได้ว่าคำแนะนำในการรักษาความดันของคุณอยู่ในสีอะไร คุณก็ไปเลือกอ่านในสีนั้นๆ
ระดับความดันโลหิต | |||||||
ความเสี่ยงในการเกิด โรคหลอดเลือดแข็ง | 120-129/80-84 | 130-139/85-90 | Grade1 140-159/91-99 |
Grade2 160-179/100-109 |
Grade3 >180/110 |
||
1 | ไม่มีความเสี่ยง | A | A | 1B | C | D | |
2 | มีความเสี่ยง 1-2 ข้อ | 2B | 2B | C | C | E | |
3 | ความเสี่ยง>3 ข้อ | C | C | D | D | E | |
4 | มีโรคจากความดันเช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ | E | E | E | E | E |
- A สีม่วง คุณมีความดันปกติ และไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเท่ากับค่าเฉลี่ย ให้คุณดูแลสุขภาพทั่วไป และตรวจวัดความดันทุกปี
- B สีเขียวความดันคุณเริ่มจะสูงแล้ว หรือคุณเริ่มมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเริ่มสูง
- Cสีเหลือง ความดันโลหิตคุณเริ่มสูงและเริ่มมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดปานกลาง คำแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหากความดันโลหิตไม่ลงพิจารณาให้ยา แต่ไม่ควรจะเกินหนึ่งเดือน
- D สีน้ำตาล ความดันคุณสูงมากไปแล้วหรือคุณอาจจะมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง ดังนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปพร้อมกับการรับประทานยา
- E สีแดง ความดันคุณสูงและทำให้เกิดโรคกับอวัยวะที่สำคัญ ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงมาก ดังนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร่วมกับการรับประทานยาลดความดันโลหิต
ซึ่งประเมินความเสี่ยงต่อการตายจาก CVD ในระยะ 10 ปี โดยใช้อายุ, เพศ, การสูบบุหรี่, total cholesterol และ SBP ซึ่งอาจมีความเสี่ยงสูงจากปัจจัยต่อไปนี้
- ผู้ที่ไม่ออกกาลังกายและผู้ที่มี central obesity ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจะสัมพันธ์กับน้าหนักที่พบในคนหนุ่มสาวมากกว่าผู้สูงอายุ
- ผู้ที่ถูกสังคมทอดทิ้งและผู้ที่เป็นชนกลุ่มน้อย
- ผู้ที่มี fasting plasma glucose (FPG) สูงและ/หรือมี glucose tolerance test (GTT) ผิดปกติ ซึ่งยังไม่เป็นเบาหวาน
- ผู้ที่มีระดับ triglyceride, fibrinogen, apolipoprotein B, lipoprotein (a) และ high-sensitivity, C-reactive protein (hs-CRP) สูง
- ผู้ที่มีประวัติ premature CVD ในครอบครัว (เกิดก่อนอายุ 55 ปี ในชายและอายุ 65 ปี ในหญิง)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
อวัยวะเสียหายโดยไม่มีอาการ
เป็นเบาหวาน
มีโรคหัวใจและโรคไตจากความดันโลหิต
คำจำกัดความโรคความดัน | การวินิจฉัยโรคความดัน |