
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ในยุคที่สุขภาพและการดูแลตัวเองกลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ชื่อของ Semaglutide (เซมากลูไทด์) ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่แค่ในวงการแพทย์ แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก Semaglutide คือยาในกลุ่ม GLP-1 Receptor Agonists ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงทั้งในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และการลดน้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญ
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Semaglutide ในทุกแง่มุม ตั้งแต่กลไกการทำงาน, รูปแบบยาที่แตกต่างกัน (Ozempic®, Rybelsus®, Wegovy®), ประโยชน์ที่เหนือกว่าแค่การลดน้ำตาล และที่สำคัญคือผลข้างเคียงและข้อควรระวังที่ทุกคนต้องทราบ
Semaglutide เป็นยาที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นเพื่อเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ลำไส้ของเราสร้างขึ้นตามธรรมชาติหลังรับประทานอาหาร ยานี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดและพลังงานในร่างกาย
ปัจจุบัน Semaglutide ได้รับการอนุมัติใน 3 รูปแบบหลัก ภายใต้ชื่อการค้าที่แตกต่างกันตามข้อบ่งชี้ในการใช้งาน:
Ozempic® (โอเซมปิก): ยาฉีดใต้ผิวหนัง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง สำหรับรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2
Rybelsus® (ไรเบลซัส): ยารับประทาน วันละ 1 ครั้ง สำหรับรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (เป็นยา GLP-1 ชนิดเม็ดตัวแรกของโลก)
Wegovy® (วีโกวี): ยาฉีดใต้ผิวหนัง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในขนาดที่สูงกว่า Ozempic® สำหรับ การควบคุมน้ำหนัก ในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
Semaglutide ออกฤทธิ์หลายกลไกพร้อมกัน ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อระดับน้ำตาลและน้ำหนักตัว:
เพิ่มการหลั่งอินซูลินอย่างชาญฉลาด: กระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งอินซูลินเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเท่านั้น ทำให้ความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำมีน้อยมาก
ลดการผลิตน้ำตาลจากตับ: ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
ชะลอการย่อยอาหาร: ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวช้าลง อาหารจะอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำตาลหลังอาหารไม่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
ควบคุมความอยากอาหารที่สมอง: ออกฤทธิ์โดยตรงต่อสมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมความหิวและความอิ่ม ทำให้ผู้ใช้ยารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น, อิ่มนานขึ้น, และลดความอยากอาหารลงอย่างชัดเจน
กลไกข้อ 3 และ 4 คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Semaglutide มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดน้ำหนัก
นอกจากการควบคุมเบาหวานและการลดน้ำหนักแล้ว งานวิจัยขนาดใหญ่ (เช่น SUSTAIN-6 และ SELECT) ได้แสดงให้เห็นว่า Semaglutide มีประโยชน์ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพในระยะยาว:
ปกป้องหัวใจและหลอดเลือด: ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วย ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนรุนแรงทางหัวใจและหลอดเลือด (เช่น โรคหัวใจวาย, โรคหลอดเลือดสมอง) ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีความเสี่ยงสูง
ชะลอความเสื่อมของไต: ช่วยลดการเกิดหรือชะลอการดำเนินไปของโรคไตจากเบาหวาน (Diabetic Kidney Disease)
ผลข้างเคียงของ Semaglutide ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร และมักเกิดขึ้นในช่วงแรกของการเริ่มยาหรือเมื่อมีการปรับเพิ่มขนาดยา
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยมาก:
คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, ท้องผูก, ปวดท้อง: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด แพทย์จะเริ่มต้นยาในขนาดต่ำและค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของอาการเหล่านี้ได้ การรับประทานอาหารมื้อเล็กลงและหลีกเลี่ยงอาหารมันจะช่วยได้
ผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่พบได้น้อย:
ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis): หากมีอาการ ปวดท้องรุนแรงและต่อเนื่อง อาจร้าวไปที่หลัง ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน ให้หยุดยาและรีบพบแพทย์ทันที
ปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี: เช่น นิ่วในถุงน้ำดี
การทำงานของไตแย่ลง: โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะขาดน้ำจากการอาเจียนหรือท้องเสียรุนแรง
ภาวะเบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy) แย่ลง: อาจพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะนี้อยู่แล้วในช่วงแรกของการที่ระดับน้ำตาลลดลงอย่างรวดเร็ว
ปฏิกิริยาแพ้รุนแรง: เช่น หายใจลำบาก, บวมที่ใบหน้าและลำคอ
เช่นเดียวกับยาอื่นในกลุ่ม GLP-1, Semaglutide มี คำเตือนกล่องดำ จากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เกี่ยวกับความเสี่ยงของ เนื้องอกต่อมไทรอยด์ชนิด C-cell (Medullary Thyroid Carcinoma - MTC) ซึ่งพบในการศึกษาในสัตว์ทดลอง
ด้วยเหตุนี้ จึงห้ามใช้ Semaglutide ในผู้ป่วย:
ที่มีประวัติส่วนตัวหรือประวัติครอบครัวเป็น มะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดเมดัลลารี (MTC)
ที่เป็นโรค Multiple Endocrine Neoplasia syndrome type 2 (MEN 2)
ผู้ใช้ยาควรแจ้งแพทย์หากพบก้อนที่คอ, กลืนลำบาก, หรือเสียงแหบต่อเนื่อง
Semaglutide ถือเป็นยาที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วนอย่างแท้จริง ด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นในการควบคุมระดับน้ำตาล, การลดน้ำหนัก, และการปกป้องหัวใจและไต อย่างไรก็ตาม ยานี้ไม่ใช่ยาวิเศษที่ไม่มีผลข้างเคียง การใช้งานต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อประเมินความเหมาะสม, ค่อยๆ ปรับขนาดยา, และเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอาการทางเดินอาหารและสัญญาณเตือนของภาวะที่รุนแรง
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว