
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
Linagliptin เป็นยารักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ในกลุ่ม DPP-4 inhibitor ที่มีจุดเด่นสำคัญคือความปลอดภัยต่อผู้ป่วยโรคไตโดยไม่ต้องปรับขนาดยา การนำยาตัวนี้มาผสมกับยาเบาหวานกลุ่มอื่นที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เกิดเป็นยาเม็ดแบบผสม (Fixed-dose combination) ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพการรักษาได้อย่างมาก
บทความนี้จะเปรียบเทียบยาผสมที่ได้รับความนิยม 2 สูตร คือ Linagliptin/Metformin (Jentadueto®) และ Linagliptin/Empagliflozin (Glyxambi®) เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความแตกต่าง กลไกเด่น ข้อดี-ข้อเสีย และใครที่เหมาะสมกับยาแต่ละสูตร
"สูตรมาตรฐานประสิทธิภาพสูง" นี่คือการรวมตัวของยาที่ปลอดภัยต่อไตเข้ากับยาพื้นฐานอันดับหนึ่งในการรักษาเบาหวาน
กลไกการทำงาน:
Linagliptin (DPP-4 inhibitor): เพิ่มระดับฮอร์โมนอินครีติน ช่วยให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินมากขึ้นและลดการสร้างน้ำตาลจากตับ (เมื่อระดับน้ำตาลสูง)
Metformin (Biguanide): เป็นยาหลักในการรักษาเบาหวาน ออกฤทธิ์โดยลดการสร้างน้ำตาลที่ตับ และเพิ่มความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน
เหมาะกับใคร?
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนใหญ่ ที่ต้องการยกระดับการรักษาหลังจากใช้ Metformin เดี่ยวๆ แล้วยังควบคุมน้ำตาลไม่ได้ตามเป้าหมาย
เป็น "Step-up therapy" หรือการรักษาลำดับถัดไปที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพสูง
ข้อดีของสูตรนี้:
ประสิทธิภาพการลดน้ำตาลดีเยี่ยม: เป็นการผสมผสานที่ลดระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
เป็นมิตรต่อน้ำหนัก: ไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม และอาจช่วยควบคุมน้ำหนักได้เล็กน้อยจากฤทธิ์ของ Metformin
ความเสี่ยงน้ำตาลในเลือดต่ำน้อยมาก
ยา Metformin มีข้อมูลความปลอดภัยระยะยาว และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ:
ผลข้างเคียงจาก Metformin: พบบ่อยที่สุดคืออาการทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเสีย ซึ่งมักดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัว หรือเมื่อทานยาพร้อมอาหาร
ความเสี่ยงภาวะเลือดเป็นกรด (Lactic Acidosis): เป็นผลข้างเคียงที่ อันตรายที่สุด แม้จะพบได้น้อยมาก ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคไตวายรุนแรง (eGFR < 30), โรคตับรุนแรง, หรือผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หนัก เพราะมีความเสี่ยงสูง
การขาดวิตามิน B12: การใช้ Metformin เป็นเวลานานอาจรบกวนการดูดซึมวิตามิน B12
ข้อควรระวังจาก Linagliptin: ยังคงต้องเฝ้าระวังความเสี่ยง ตับอ่อนอักเสบ และ ปวดข้อรุนแรง
"สูตรพรีเมียมพร้อมคุณประโยชน์ปกป้องหัวใจและไต" เป็นการรวมตัวของยากลุ่มใหม่ 2 ชนิด ที่ให้ผลลัพธ์มากกว่าแค่การลดระดับน้ำตาล
กลไกการทำงาน:
Linagliptin (DPP-4 inhibitor): เพิ่มการหลั่งอินซูลินและลดการสร้างน้ำตาล
Empagliflozin (SGLT2 inhibitor): เป็นยากลุ่มใหม่ที่ออกฤทธิ์ที่ไตโดยตรง โดยยับยั้งการดูดกลับของน้ำตาล ทำให้ร่างกายขับน้ำตาลส่วนเกินทิ้งไปทางปัสสาวะ
เหมาะกับใคร?
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มี โรคหัวใจและหลอดเลือด ร่วมด้วย
ผู้ป่วยเบาหวานที่มี ความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจ หรือมี ภาวะหัวใจล้มเหลว
ผู้ป่วยเบาหวานที่มี โรคไตเสื่อม (Diabetic Kidney Disease) เพื่อชะลอการเสื่อมของไต
ผู้ป่วยที่ต้องการประโยชน์เสริมในเรื่องการ ลดน้ำหนักและลดความดันโลหิต
ข้อดีของสูตรนี้:
ประโยชน์เหนือกว่าการลดน้ำตาล: Empagliflozin ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด, ลดการนอนโรงพยาบาลจากภาวะหัวใจล้มเหลว และช่วยชะลอความเสื่อมของไต
ช่วยลดน้ำหนัก: โดยเฉลี่ย 2-3 กิโลกรัม จากการขับน้ำตาลและน้ำออกไป
ช่วยลดความดันโลหิต ได้เล็กน้อย
ความเสี่ยงน้ำตาลในเลือดต่ำน้อยมาก
สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ:
ผลข้างเคียงจาก Empagliflozin:
การติดเชื้อราที่อวัยวะเพศ (Genital Mycotic Infections): พบบ่อยที่สุด เนื่องจากมีน้ำตาลในปัสสาวะมากขึ้น
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI): ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ภาวะขาดน้ำและความดันโลหิตต่ำ: โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะร่วมด้วย
ความเสี่ยงภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตน (Diabetic Ketoacidosis - DKA): เป็นผลข้างเคียงที่ อันตราย แม้จะพบได้น้อยมาก และอาจเกิดได้แม้ระดับน้ำตาลไม่สูง (Euglycemic DKA) ผู้ป่วยควรหยุดยาและพบแพทย์ทันทีหากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อ่อนเพลียมาก
ข้อควรระวังจาก Linagliptin: ยังต้องเฝ้าระวังความเสี่ยง ตับอ่อนอักเสบ เช่นเดิม
| คุณสมบัติ | Linagliptin + Metformin (Jentadueto) | Linagliptin + Empagliflozin (Glyxambi) |
| จุดเด่นที่สุด | ประสิทธิภาพสูง เป็นยามาตรฐาน | ปกป้องหัวใจและไต ลดน้ำหนัก |
| กลไกเสริม | ลดการสร้างน้ำตาลที่ตับ | ขับน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ |
| ผลต่อน้ำหนัก | คงที่ หรือ ลดลงเล็กน้อย | ลดลง |
| ผลข้างเคียงพบบ่อย | คลื่นไส้ ท้องเสีย | ติดเชื้อราที่อวัยวะเพศ |
| ข้อควรระวังสูงสุด | Lactic Acidosis (ในผู้ป่วยโรคไต) | DKA, ภาวะขาดน้ำ |
| เหมาะกับผู้ป่วย | ส่วนใหญ่, เป็นตัวเลือกมาตรฐาน | มีโรคหัวใจ/ไต, ต้องการลดน้ำหนัก |
| ราคา | เข้าถึงง่ายกว่า | สูงกว่า |
การเลือกใช้ยาผสมระหว่าง Jentadueto และ Glyxambi ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการรักษาและสภาวะของผู้ป่วยแต่ละรายอย่างชัดเจน
Jentadueto (Linagliptin/Metformin) คือ "ม้างานที่ไว้ใจได้" เป็นตัวเลือกมาตรฐานที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ที่ต้องการการควบคุมน้ำตาลที่ดีขึ้น โดยมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้และจัดการได้
Glyxambi (Linagliptin/Empagliflozin) คือ "ตัวเลือกขั้นสูงพร้อมเกราะป้องกัน" เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ได้มีแค่เบาหวาน แต่ต้องการลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุด คือ โรคหัวใจและโรคไต ซึ่งถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาว
การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของยาแต่ละสูตรให้เหมาะสมกับตัวคุณ คือกุญแจสำคัญที่สุดในการควบคุมเบาหวานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว