
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
Exenatide คือหนึ่งในยารักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กลุ่มแรกๆ ที่เรียกว่า GLP-1 Receptor Agonists ซึ่งเป็นยาฉีดที่ไม่ใช่อินซูลิน ยานี้ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีประโยชน์เสริมในด้านการช่วยลดน้ำหนัก ทำให้กลายเป็นทางเลือกที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยจำนวนมาก
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับยา Exenatide ตั้งแต่กลไกการทำงาน รูปแบบยาที่แตกต่างกัน ข้อดี ผลข้างเคียง และคำเตือนที่สำคัญที่สุดที่ผู้ป่วยและผู้ดูแลจำเป็นต้องทราบเพื่อการใช้ยาอย่างปลอดภัย
Exenatide (เอ็กซีนาไทด์) เป็นยาเลียนแบบฮอร์โมนในลำไส้ที่ชื่อว่า GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ซึ่งร่างกายจะหลั่งออกมาตามธรรมชาติหลังรับประทานอาหาร ยานี้ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เท่านั้น โดยทำงานร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
Exenatide มีจำหน่ายใน 2 รูปแบบหลัก ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ความถี่ในการฉีด:
ยาออกฤทธิ์สั้น (Immediate-Release): ฉีดวันละ 2 ครั้ง (ชื่อการค้า: Byetta®)
ยาออกฤทธิ์นาน (Extended-Release): ฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง (ชื่อการค้า: Bydureon®)
Exenatide ออกฤทธิ์หลายกลไกพร้อมกันเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งแตกต่างจากยาเบาหวานกลุ่มอื่น:
กระตุ้นการหลั่งอินซูลินอย่างชาญฉลาด: ยาจะกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินมากขึ้น เฉพาะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเท่านั้น จึงช่วยลดความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลต่ำ
ยับยั้งการหลั่งกลูคากอน: ลดการหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน ซึ่งเป็นตัวสั่งให้ตับผลิตน้ำตาล ทำให้ตับปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดน้อยลง
ชะลอการย่อยอาหาร: ทำให้กระเพาะอาหารว่างช้าลง อาหารจะค่อยๆ ถูกดูดซึม ซึ่งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังมื้ออาหาร
เพิ่มความรู้สึกอิ่ม: ยาออกฤทธิ์ที่สมองส่วนที่ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและนานขึ้น ซึ่งมักนำไปสู่การรับประทานอาหารที่น้อยลงและน้ำหนักตัวที่ลดลง
หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Exenatide และยากลุ่ม GLP-1 คือ การช่วยลดน้ำหนัก จากกลไกการชะลอการย่อยอาหารและเพิ่มความรู้สึกอิ่ม ทำให้ยานี้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนร่วมด้วย
Byetta® (ออกฤทธิ์สั้น):
ความถี่: ฉีดใต้ผิวหนัง วันละ 2 ครั้ง
เวลาฉีด: ภายใน 60 นาทีก่อนอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น (หรือ 2 มื้อหลักของวัน ที่ห่างกันอย่างน้อย 6 ชั่วโมง)
ขนาด: เริ่มต้นที่ 5 ไมโครกรัม (mcg) และแพทย์อาจปรับเพิ่มเป็น 10 mcg
Bydureon® (ออกฤทธิ์นาน):
ความถี่: ฉีดใต้ผิวหนัง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
เวลาฉีด: สามารถฉีดวันไหนก็ได้ของสัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับมื้ออาหาร
ขนาด: 2 มิลลิกรัม (mg) ต่อสัปดาห์
ข้อดีของ Bydureon® (ฉีดสัปดาห์ละครั้ง): สะดวกกว่า, ควบคุมระดับน้ำตาลได้สม่ำเสมอกว่า และมักมีอาการคลื่นไส้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Byetta®
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้น):
อาการทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ (พบบ่อยที่สุด), อาเจียน, ท้องเสีย, อาหารไม่ย่อย อาการเหล่านี้มักจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัว
ปฏิกิริยาบริเวณที่ฉีด: รอยแดง, คัน, หรือเกิดก้อนใต้ผิวหนัง (พบบ่อยในยาชนิดออกฤทธิ์นาน)
ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia):
มีความเสี่ยงต่ำเมื่อใช้ยาเดี่ยว แต่ความเสี่ยงจะ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อใช้ร่วมกับยาเบาหวานกลุ่มอื่นที่ทำให้น้ำตาลต่ำได้ เช่น ซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas) หรือ อินซูลิน
ความเสี่ยงต่อตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis):
เป็นผลข้างเคียงที่ รุนแรงแต่พบได้น้อย มีรายงานการเกิดตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (บางกรณีรุนแรงถึงชีวิต) หากมีอาการ ปวดท้องรุนแรงและต่อเนื่อง ซึ่งอาจร้าวไปที่หลัง ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน ให้หยุดยาและรีบไปพบแพทย์ทันที
คำเตือนกล่องดำ (Black Box Warning) - ความเสี่ยงมะเร็งต่อมไทรอยด์ (เฉพาะ Bydureon®):
จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่ายาเพิ่มความเสี่ยงของเนื้องอกต่อมไทรอยด์ชนิด C-cell (Medullary Thyroid Carcinoma - MTC) แม้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเกิดในมนุษย์หรือไม่
ข้อห้ามใช้: ห้ามใช้ ในผู้ป่วยที่มีประวัติส่วนตัวหรือประวัติครอบครัวเป็น มะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดเมดัลลารี (MTC) หรือผู้ป่วยโรค Multiple Endocrine Neoplasia syndrome type 2 (MEN 2)
อาการที่ต้องเฝ้าระวัง: หากมีก้อนที่คอ, กลืนลำบาก, หายใจลำบาก หรือเสียงแหบต่อเนื่อง ควรรีบแจ้งแพทย์
ปัญหารุนแรงเกี่ยวกับไต:
มีรายงานการทำงานของไตแย่ลง หรือไตวายเฉียบพลันในผู้ป่วยที่ใช้ยาตัวนี้ ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย หรือผู้ที่มีค่าการทำงานของไต (CrCl) ต่ำกว่า 30 มล./นาที
โรคกระเพาะอาหารและลำไส้รุนแรง:
เนื่องจากยาทำให้กระเพาะอาหารว่างช้าลง จึงไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะ Gastroparesis หรือโรคทางเดินอาหารรุนแรงอื่นๆ
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือมีภาวะ Diabetic Ketoacidosis
ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา Exenatide อย่างรุนแรง
ผู้ที่มีประวัติ MTC หรือ MEN 2 (สำหรับ Bydureon®)
ผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย
Exenatide เป็นยาฉีดรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพดีในการควบคุมระดับน้ำตาล พร้อมประโยชน์เสริมที่สำคัญคือการช่วยลดน้ำหนัก การมียาให้เลือกทั้งแบบฉีดวันละ 2 ครั้ง และสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ช่วยให้แพทย์สามารถเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของผู้ป่วยได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยต้องตระหนักถึงความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรง โดยเฉพาะตับอ่อนอักเสบและมะเร็งต่อมไทรอยด์ (สำหรับยาออกฤทธิ์นาน) การใช้ยาจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด และต้องเฝ้าระวังอาการผิดปกติต่างๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว