siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

DPP-4 Inhibitors: รู้จักยารักษาเบาหวานกลุ่มใหม่ ทางเลือกที่ปลอดภัย เสี่ยงน้ำตาลต่ำน้อย

ในวงการการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ปัจจุบัน มียากลุ่มหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากแพทย์ทั่วโลกและถูกใช้อย่างแพร่หลาย นั่นคือ ยากลุ่ม DPP-4 inhibitors หรือที่มักเรียกกันติดปากตามชื่อลงท้ายของยาว่า "กลุ่มกลิปติน" (Gliptins) ด้วยจุดเด่นด้านประสิทธิภาพที่ดี ความปลอดภัยสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความเสี่ยงต่ำในการทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับยากลุ่ม DPP-4 inhibitors อย่างละเอียด ตั้งแต่กลไกการออกฤทธิ์, ข้อดี, ผลข้างเคียงที่ต้องระวัง และยาแต่ละตัวในกลุ่มนี้มีอะไรบ้าง


DPP-4 Inhibitors คืออะไร และทำงานอย่างไร?

DPP-4 inhibitors (Dipeptidyl peptidase-4 inhibitors) เป็นยารับประทานสำหรับรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กลไกการทำงานของยาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นตับอ่อนโดยตรง แต่ทำงานผ่านการสนับสนุนฮอร์โมนในลำไส้ที่ชื่อว่า "อินครีติน" (Incretins)

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองดูขั้นตอนการทำงานดังนี้:

  1. ฮอร์โมนอินครีติน (Incretin): ผู้ช่วยคนสำคัญ

    • หลังจากเรารับประทานอาหาร ลำไส้จะหลั่งฮอร์โมนอินครีติน (เช่น GLP-1 และ GIP) ออกมา

    • ฮอร์โมนนี้จะส่งสัญญาณไปที่ตับอ่อนให้ "ผลิตและหลั่งอินซูลินมากขึ้น" เพื่อจัดการกับระดับน้ำตาลที่สูงขึ้น และในขณะเดียวกันก็สั่งให้ "ลดการหลั่งกลูคากอน" ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ตับสร้างน้ำตาล

  2. เอนไซม์ DPP-4: ตัวสลายฮอร์โมน

    • ตามธรรมชาติ ฮอร์โมนอินครีตินจะมีอายุสั้นมาก เพราะจะถูกทำลายอย่างรวดเร็วโดยเอนไซม์ที่มีชื่อว่า DPP-4

  3. บทบาทของยา DPP-4 Inhibitors

    • ยาในกลุ่มนี้จะเข้าไป "ยับยั้ง (Inhibit)" การทำงานของเอนไซม์ DPP-4

    • เมื่อเอนไซม์ DPP-4 ถูกยับยั้ง ฮอร์โมนอินครีตินจึงไม่ถูกทำลายและสามารถออกฤทธิ์ในร่างกายได้นานขึ้น

    • ผลลัพธ์คือ: อินซูลินถูกหลั่งออกมามากขึ้น และตับสร้างน้ำตาลน้อยลง เฉพาะในช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เท่านั้น

กลไก "อัจฉริยะ" ที่ทำงานตามระดับน้ำตาลนี้เอง คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยา DPP-4 inhibitors มีความเสี่ยงต่ำมากที่จะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)


ยาในกลุ่ม DPP-4 Inhibitors ที่ใช้บ่อยในปัจจุบัน

ยาในกลุ่มนี้มักลงท้ายด้วย "-gliptin" ตัวอย่างยาที่ใช้กันแพร่หลาย ได้แก่:


ข้อดีของยากลุ่ม DPP-4 Inhibitors

  1. ความเสี่ยงต่ำต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ: ดังที่กล่าวไปข้างต้น เพราะยาจะออกฤทธิ์เมื่อระดับน้ำตาลสูงเท่านั้น จึงปลอดภัยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

  2. ไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม (Weight Neutral): แตกต่างจากยาเบาหวานบางกลุ่ม (เช่น ซัลโฟนิลยูเรีย หรือ อินซูลิน) ที่อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

  3. ผลข้างเคียงน้อย: เป็นยาที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ทนต่อยาได้ดี และมีผลข้างเคียงทางเดินอาหารน้อยกว่ายาบางชนิด

  4. สะดวกในการรับประทาน: ส่วนใหญ่รับประทานเพียงวันละ 1-2 ครั้ง


ใครที่เหมาะกับการใช้ยากลุ่มนี้?

แพทย์มักพิจารณาใช้ยา DPP-4 inhibitors ในกรณีต่อไปนี้:

ข้อสำคัญ: ยากลุ่มนี้ใช้สำหรับ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เท่านั้น และไม่สามารถใช้รักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตน (DKA) ได้


ผลข้างเคียงและข้อควรระวังที่สำคัญ

แม้จะเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง ดังนี้:


สรุป

ยากลุ่ม DPP-4 inhibitors ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพดี มีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะจุดเด่นเรื่องความเสี่ยงต่ำต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ยาทุกชนิดมีทั้งประโยชน์และโทษ การเลือกใช้ยาตัวใดในกลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยพิจารณาจากสภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย โรคร่วม และยาอื่นๆ ที่ใช้อยู่ เพื่อให้เกิดประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุด

โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว