Diltiazem: คู่มือการใช้งานและข้อมูลสำคัญ
วันที่เรียบเรียง: 17 มิถุนายน 2568
ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภานุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
ยานี้คืออะไร
Diltiazem (ดิลไทอะเซม) เป็นยาในกลุ่ม Calcium Channel Blockers (CCBs) ประเภท Non-Dihydropyridine ใช้รักษาความดันโลหิตสูง (Hypertension), เจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด (Angina Pectoris), และควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจในภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Atrial Fibrillation, Atrial Flutter, หรือ Paroxysmal Supraventricular Tachycardia (PSVT) ยานี้ช่วยขยายหลอดเลือด ลดแรงต้านของหลอดเลือดส่วนปลาย และเพิ่มปริมาณเลือด/ออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจ ในประเทศไทย มีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น Cardil, Herbesser, หรือยาสามัญ (Generic) รูปแบบยา ได้แก่ ยาเม็ด, ยาแคปซูลออกฤทธิ์นาน, ยาน้ำ, และยาฉีด
กลไกการออกฤทธิ์
Diltiazem ออกฤทธิ์โดย:
- ยับยั้งช่องแคลเซียม ในกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด ทำให้:
- กล้ามเนื้อหลอดเลือดคลายตัว ลดความดันโลหิตและเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังหัวใจ
- ลดความต้องการออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจ
- ชะลอการนำไฟฟ้าที่ปม AV (Atrioventricular Node) ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ
- ช่วยลดอาการเจ็บหน้าอก, ลดความดันโลหิต, และควบคุมจังหวะหัวใจในภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ข้อบ่งชี้การใช้
Diltiazem ใช้เพื่อ:
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ลดความดันโลหิตในผู้ป่วยทั่วไปหรือผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ
- เจ็บหน้าอก (Angina Pectoris):
- Stable Angina (จากหลอดเลือดหัวใจตีบ)
- Variant Angina/Prinzmetal’s Angina (จากหลอดเลือดหัวใจหดเกร็ง)
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ:
- ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจใน Atrial Fibrillation หรือ Atrial Flutter
- รักษา Paroxysmal Supraventricular Tachycardia (PSVT)
ขนาดและวิธีใช้
- รูปแบบยา:
- ยาเม็ดธรรมดา: 30 มก., 60 มก.
- ยาแคปซูลออกฤทธิ์นาน (Extended-Release): 90 มก., 120 มก., 180 มก., 240 มก., 300 มก.
- ยาฉีด: 5 มก./มล., 10 มก., 50 มก./หลอด (ใช้ในโรงพยาบาล)
- วิธีใช้:
- ยาเม็ดธรรมดา: รับประทาน 3-4 ครั้ง/วัน ตอนท้องว่าง (ก่อนอาหาร 1 ชม. หรือหลังอาหาร 2 ชม.)
- ยาออกฤทธิ์นาน: รับประทาน 1 ครั้ง/วัน พร้อมหรือไม่มีอาหาร
- กลืนยาทั้งเม็ดพร้อมน้ำ 1 แก้ว ห้ามบดหรือเคี้ยว (สำหรับยาออกฤทธิ์นาน)
- รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อผลการรักษาที่ดี
- ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะโรค, การตอบสนอง, และการทำงานของตับ/ไต
- ห้ามหยุดยาทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้ความดันหรืออาการเจ็บหน้าอกแย่ลง
- ขนาดยา:
- ความดันโลหิตสูง:
- เริ่มต้น: 120-180 มก./วัน (ยาออกฤทธิ์นาน)
- ปรับขนาดทุก 14 วัน สูงสุด: 540 มก./วัน
- เจ็บหน้าอก (Angina):
- ยาเม็ดธรรมดา: 30-60 มก. 3-4 ครั้ง/วัน (สูงสุด 360 มก./วัน)
- ยาออกฤทธิ์นาน: 120-360 มก./วัน (สูงสุด 540 มก./วัน)
- Atrial Fibrillation/PSVT:
- ยาเม็ดธรรมดา: 60-120 มก. 3-4 ครั้ง/วัน
- ยาออกฤทธิ์นาน: 240-360 มก./วัน
- ยาฉีด: 0.25 มก./กก. ฉีดใน 2 นาที (ใช้ในโรงพยาบาล)
- ผู้สูงอายุ/ตับหรือไตบกพร่อง: เริ่มขนาดต่ำ (เช่น 90-120 มก./วัน) และติดตามอย่างใกล้ชิด
- หมายเหตุ:
- ตรวจความดันโลหิตและชีพจรสม่ำเสมอ
- การปรับขนาดยาควรทำหลังใช้ยา 14 วันเพื่อประเมินผล
- การหยุดยาควรค่อย ๆ ลดขนาดตามคำแนะนำแพทย์
ข้อแนะนำในการรับประทานยา
- รับประทานยาตอนท้องว่าง (ก่อนอาหาร 1 ชม. หรือหลังอาหาร 2 ชม.) เพื่อการดูดซึมที่ดี
- ตรวจความดันโลหิตและชีพจรเป็นประจำ (แจ้งแพทย์หากชีพจร <50 ครั้ง/นาที หรือ >100 ครั้ง/นาที)
- ควบคุมอาหารโซเดียมต่ำและออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อสนับสนุนการรักษาความดันโลหิต
- เปลี่ยนอิริยาบถช้า ๆ (เช่น ลุกจากนั่งหรือนอน) เพื่อป้องกันวิงเวียน
- รับประทานอาหารครั้งละน้อยแต่บ่อยเพื่อลดอาการแน่นท้องหรือคลื่นไส้
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าและใช้ครีมกันแดดหากมีอาการแพ้แสง
- แจ้งแพทย์หากมีอาการเจ็บหน้าอกบ่อย/รุนแรงขึ้น, หายใจลำบาก, หรือบวม
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงความดันต่ำ
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจการทำงานของตับ (LFT), ไต (CrCl), และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทั้งหมด รวมถึงยาซื้อเองและสมุนไพร
ข้อห้ามในการใช้ยา
- ห้ามใช้ในผู้ที่มี:
- แพ้ Diltiazem หรือ Calcium Channel Blockers อื่น
- Sick Sinus Syndrome หรือ AV Block ระดับ 2-3 โดยไม่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ความดันโลหิตต่ำ (Systolic <90 mmHg)
- หัวใจล้มเหลวรุนแรง หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายพร้อมน้ำท่วมปอด
- Atrial Fibrillation พร้อม Wolff-Parkinson-White Syndrome
- หัวใจเต้นช้า (Bradycardia) รุนแรง
ข้อระวังในการใช้ยา
- ใช้ด้วยความระวังในผู้ที่มี:
- ตับหรือไตบกพร่อง (ลดขนาดยาและตรวจการทำงานของอวัยวะ)
- ผู้สูงอายุ (>65 ปี) เนื่องจากไวต่อผลข้างเคียง เช่น ความดันต่ำหรือหัวใจเต้นช้า
- โรคหัวใจอื่น เช่น หัวใจล้มเหลวเล็กน้อย, Cardiomyopathy
- ประวัติตับอักเสบหรือโรคตับเรื้อรัง
- หญิงตั้งครรภ์ (ประเภท C): ใช้ได้หากจำเป็น ภายใต้การดูแลแพทย์
- หญิงให้นมบุตร: ปรึกษาแพทย์ เพราะยาขับออกในน้ำนม
- หลีกเลี่ยงยาหรืออาหารเสริมที่กระทบความดันโลหิตหรือจังหวะหัวใจ
- แจ้งแพทย์หากมีอาการ เช่น ตัว/ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, หรือหัวใจเต้นช้า
อาการที่ต้องระวัง
- หัวใจและหลอดเลือด:
- หัวใจเต้นช้า (<50 ครั้ง/นาที), ความดันโลหิตต่ำ (วิงเวียน, หน้ามืด)
- เจ็บหน้าอกนาน/ถี่/รุนแรงขึ้น, ใจสั่น
- หัวใจล้มเหลวกำเริบ (บวมเท้า/มือ, หายใจลำบาก, น้ำหนักเพิ่ม)
- ตับ:
- ตัว/ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, แน่นท้อง, เบื่ออาหาร
- ผิวหนัง:
- การตรวจพิเศษ:
- ตรวจความดันโลหิตและชีพจรสม่ำเสมอ
- ตรวจ LFT และ CrCl ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง
- ตรวจ ECG หากสงสัยหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือ Sick Sinus Syndrome
ปฏิกิริยาระหว่างยา
- ยาที่เพิ่มผลข้างเคียง Diltiazem:
- Beta-Blockers (เช่น Atenolol, Metoprolol): เพิ่มความเสี่ยงหัวใจเต้นช้า
- Digoxin: เพิ่มระดับ Digoxin ในเลือด
- Statins (เช่น Simvastatin): เพิ่มความเสี่ยงกล้ามเนื้ออักเสบ
- Cyclosporine, Cimetidine, Carbamazepine: เพิ่มระดับยาในเลือด
- ยาที่ลดประสิทธิภาพ Diltiazem:
- อาหาร/เครื่องดื่ม:
- น้ำเกรพฟรุต: เพิ่มระดับยาในเลือด เสี่ยงผลข้างเคียง
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา, อาหารเสริม, หรือสมุนไพรทั้งหมด
ผลข้างเคียง
- พบบ่อย:
- ปวดศีรษะ, วิงเวียน, อ่อนเพลีย (มักดีขึ้นหลังใช้ยาไประยะหนึ่ง)
- บวมเท้า/ข้อเท้า/มือ (Edema)
- ท้องผูก, คลื่นไส้, แน่นท้อง
- หน้าแดง, รู้สึกร้อนวูบวาบ (มักเกิดเมื่อเริ่มใช้ยา)
- เจ็บคอ, ไอ, คัดจมูก
- แพ้แสง (ไวต่อแสงแดด)
- รุนแรง (พบน้อย):
- หัวใจเต้นช้าเกิน (Bradycardia), ความดันโลหิตต่ำรุนแรง (หน้ามืด, เป็นลม)
- อาการแพ้: ผื่นลมพิษ, ตุ่มน้ำ, บวมหน้า/คอ, หายใจลำบาก
- หัวใจล้มเหลวแย่ลง, เจ็บหน้าอกถี่/รุนแรง
- ตับอักเสบ (ตัว/ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, เบื่ออาหาร)
- หากพบอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก, หน้ามืดเป็นลม, ตัวเหลือง, หรือหัวใจเต้นช้า หยุดยาและพบแพทย์ทันที
วิธีลดผลข้างเคียง
- รับประทานยาตามขนาดที่แพทย์สั่ง
- เปลี่ยนอิริยาบถช้า ๆ เพื่อป้องกันวิงเวียนหรือหน้ามืด
- ดื่มน้ำเพียงพอและรับประทานอาหารไฟเบอร์สูงเพื่อลดท้องผูก
- รับประทานอาหารครั้งละน้อยแต่บ่อยเพื่อลดคลื่นไส้หรือแน่นท้อง
- ใช้ครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าเพื่อป้องกันแพ้แสง
- หลีกเลี่ยงน้ำเกรพฟรุตและแอลกอฮอล์
- หยุดยาและพบแพทย์หากมีสัญญาณรุนแรง เช่น บวมหรือหัวใจเต้นช้า
การลืมรับประทานยา
- หากลืมภายใน 6 ชม. รับประทานทันทีที่นึกได้
- หากเกิน 6 ชม. ข้ามมื้อนั้นและรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ อย่ารับประทานสองเท่า
- แจ้งแพทย์หากลืมบ่อยหรือมีอาการ เช่น เจ็บหน้าอกหรือใจสั่น
การรับประทานยาเกินขนาด
- อาการ: ความดันโลหิตต่ำรุนแรง, หัวใจเต้นช้า, วิงเวียน, เป็นลม
- ติดต่อโรงพยาบาลทันที อาจต้องให้ยาแก้พิษ เช่น Calcium Gluconate หรือ Atropine
การเก็บยา
- เก็บในภาชนะเดิม ปิดสนิท ป้องกันแสง
- เก็บที่อุณหภูมิ 15-30°C ห่างจากความร้อน, ความชื้น, และแสงแดด
- เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ทิ้งยาที่หมดอายุ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- Diltiazem ใช้รักษาอะไร?
ใช้รักษาความดันโลหิตสูง, เจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด, และควบคุมจังหวะหัวใจใน Atrial Fibrillation หรือ PSVT
- Diltiazem ทำให้หัวใจเต้นช้าหรือไม่?
ใช่ อาจทำให้หัวใจเต้นช้า โดยเฉพาะในผู้ที่มี Sick Sinus Syndrome หรือใช้ Beta-Blockers หากชีพจร <50 ครั้ง/นาที ต้องพบแพทย์
- ต้องหลีกเลี่ยงอาหารอะไรเมื่อใช้ Diltiazem?
หลีกเลี่ยงน้ำเกรพฟรุต เพราะเพิ่มระดับยาในเลือด และควบคุมอาหารโซเดียมต่ำ
- Diltiazem ปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์หรือไม่?
ใช้ได้หากจำเป็น (ประเภท C) แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลแพทย์
- ผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะหรือบวม จะจัดการอย่างไร?
ปวดศีรษะมักดีขึ้นเอง เปลี่ยนอิริยาบถช้า ๆ เพื่อลดวิงเวียน และปรึกษาแพทย์หากบวมหรืออาการรุนแรง
สรุป
Diltiazem เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดันโลหิตสูง, เจ็บหน้าอก, และควบคุมจังหวะหัวใจ ช่วยขยายหลอดเลือดและลดภาระหัวใจ การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น หัวใจเต้นช้า, ความดันต่ำ, หรือตับอักเสบ ผู้ป่วยควรตรวจความดัน, ชีพจร, และการทำงานของตับ/ไตสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงน้ำเกรพฟรุตและแจ้งแพทย์หากมีอาการผิดปกติ เช่น ตัวเหลืองหรือบวม การปฏิบัติตามคำแนะนำและปรับพฤติกรรมจะช่วยให้การรักษาปลอดภัยและได้ผลดี
Nifedipine | Amlodipine | Felodipine | Nicardipine | Nimodipine | Diltiazem |
